นายกิตติศักดิ์ จันทร์ไพศรี หนึ่งในแกนนำชาวนา จังหวัดเชียงใหม่ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า เมื่อวาน (วันที่ 15 ต.ค.64) ทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ไม่มารับ แต่ว่าได้รับการติดต่อจากส่วนกลาง โดยกระทรวงพาณิชย์ ให้เข้าพบหารือในวันที่ 19 ตุลาคมนี้ ที่สนามบินน้ำ กรุงเทพฯ
"รู้สึกดีใจมาก ก็ขอบคุณทางผู้ใหญ่ในเบื้องต้นที่เห็นว่าชาวนาเดือดร้อนจริงๆ อยากจะช่วยเหลือ คาดการณ์ในวันที่ 18 ตุลาคมนี้จะเดินทางออกจากเชียงใหม่ มี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลก็ได้จ่ายค่ารถ ค่าเดินทางให้"
นายกิตติศักดิ์ กล่าว แต่ถ้าเมื่อวานไม่มีใครมารับ ก็ตั้งใจว่าจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ไปเรียกร้องที่ทำเนียบรัฐบาล เพราะชาวนาเดือดร้อนจริงๆ ไม่ว่าปัจจัยการผลิด เช่น ปุ๋ย, สารเคมีต่างๆ ทำให้ดันทุนการ ผลิดของเกษตรกรมีราคาสูงขึ้น
ต้นทุนการเกษตรในปัจจุบันสูงมาก แต่โรงสีรับซื้ออยู่ที่กิโลกรัมละ 5.20 - 5.80 บาท ให้เกษตรกรเกิดภาวะขาดทุนขอให้ภาครัฐ ช่วยเทรกแซงราคา เพื่อไม่ให้เกิดกาวะขาคทุน และขอให้ช่วยเขียวยา เกษตรกร ดังนี้
1.ขอให้มีการรับซื้อข้าวเหนียวสด ที่ความชื้น ไม่เกิน 26% ราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 10 บาท
2.ขอให้ช่วยเหลือจ่ายค่าชดเชยเยียวยาแก่เกษตรกรชาวนาที่ได้รับผลกระทบไร่ละ 3,000 บาท ต่อครัวเรือน ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ไร่
3.ขอให้พักชำระหนี้แก่ชาวนาทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 3 ปี
4. จัดตั้ง 1 อำเภอ 1 ไซโล (ศูนย์จัดการบริหารข้าวชุมชนในท้องที่ที่ทำนา โดยการบริหารครบวงจร ทั้งโรงเรือน ไซโล เครื่องอบชีวมวลที่ทันสมัย โรงสีข้าว เครื่องดีดสิ่งเจือปนข้าว พร้อมทั้งการบรรจุที่รวดเร็ว จัดสรรช่วยเหลือดลาดกับผู้ส่งออกที่เป็นธรรมเงินทุนหมุนเวียน (ล้านละ 100 บาท ) ที่ลดขั้นตอนบางประการที่ยุ่งยากลงเพื่อให้องค์เข้าถึงแหล่งเงินทุนที่สะดวก
5. ให้ความรู้การแปรรูป การผลิตข้าวในรูปแบบอื่น ๆ พร้อมทั้งการประชาสัมพันธ์ที่ชัดเจน
6. ตั้งศูนย์ข้อมูลข้าวที่ทันต่อเหตุการณ์ รวดเร็ว แน่นอน ทั้งภายในและต่างประเทศ เพื่อการวางแผน