วันนี้ 19 ตุลาคม 2564 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติ เห็นชอบมาตรการเยียวยาเอสเอ็มอี โดยอนุมัติกรอบวงเงินจำนวน 37,521.69 ล้านบาท สำหรับ โครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs ของกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน
ครอบคลุมเป้าหมาย นายจ้างในธุรกิจ SMEs จำนวน 394,621 แห่ง ลูกจ้างสัญชาติไทยในธุรกิจ SMEs จำนวน 4,236,320 คน
โดยใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงาน/โครงการกลุ่มที่ 3 ตามบัญชีท้าย พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 พร้อมทั้งมอบหมายให้กรมการจัดหางาน กำหนดเงื่อนไขให้นายจ้างที่ประสงค์เข้าร่วมโครงการ
โดยต้องลงทะเบียนและจัดส่งข้อมูลผ่านระบบ e-Service รวมถึงประสานสำนักงานประกันสังคมในการเร่ง ประชาสัมพันธ์ให้นายจ้างกลุ่มเป้าหมายทราบถึงขั้นตอนดังกล่าว และอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการขนาดเล็ก ที่ต้องการได้รับความช่วยเหลือในการจัดส่งข้อมูลผ่านระบบ e-Service เพื่อให้กรมการจัดหางาน สามารถจ่ายเงินอุดหนุน ได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับแผนการดำเนินงานตามข้อเสนอโครงการ รวมถึงจะช่วยส่งเสริมนโยบาย การให้บริการภาครัฐผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
นอกจากนี้ ครม.ยังได้มอบหมายให้กรมการจัดหางาน เป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการและดำเนินการจัดทำความต้องการ ใช้จ่ายเป็นรายสัปดาห์ เพื่อให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ สามารถจัดหาเงินกู้เพื่อใช้จ่ายโครงการตามแผนการใช้จ่ายเงิน ที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายทางการเงินของภาครัฐ พร้อมทั้งปฏิบัติตามข้อ 15 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เพิ่มเติม พ.ศ.2564 โดยเคร่งครัดตามขั้นตอนต่อไป
“โครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs จะช่วยลดปัญหาการว่างงาน โดยให้นายจ้างรักษาระดับการจ้างงานเพื่อช่วยเหลือลูกจ้างสัญชาติไทยในธุรกิจ SMEs ไม่ให้ถูกเลิกจ้าง มีรายได้อย่างต่อเนื่อง และได้รับโอกาสในการจ้างงานเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังช่วยเหลือนายจ้างลดค่าใช้จ่ายในการจ่ายค่าจ้างให้กับลูกจ้างสัญชาติไทย ให้สามารถรักษาระดับการจ้างงานและดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยคาดการณ์ว่าจะรักษาระดับการจ้างงาน จำนวน 4,034,590 คน และส่งเสริมการจ้างงานใหม่ จำนวน 201,730 คน” นาย ธนกร กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามาตรการเยียวยาเอสเอ็มอี หรือ โครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs ครม.เคยอนุมัติในหลักการเอาไว้แล้วก่อนหน้านี้ โดยมีเงื่อนไขผู้เข้าร่วมโครงการเยียวยาเอสเอ็มอี ดังนี้