นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า สำหรับการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความพร้อมของท่าอากาศยานดอนเมืองในการรองรับการเปิดประเทศ 1 พฤศจิกายน 2564 ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. นั้นเป็นท่าอากาศยานสำคัญในการรองรับการเดินทางของผู้โดยสาร ซึ่งทางทอท.ได้เตรียมมาตรการด้านความปลอดภัย ด้านการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไว้เรียบร้อยหมดแล้ว และมีความพร้อมที่จะเปิดรองรับการเดินทางของผู้โดยสารทั้งในไทยและต่างประเทศ
สำหรับผู้โดยสารระหว่างประเทศที่จะเดินทางมายังประเทศไทยต้องได้รับการฉีดวัคซีนโควิด -19 จำนวน 2 เข็ม (โดส) ที่ได้รับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และต้องมีผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR เป็นลบ ระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงถึงจะให้เดินทางเข้ามายังประเทศไทยได้ ซึ่งผู้โดยสารภายในประเทศก็ต้องปฏิบัติตามมาตรการเดียวกัน
ขณะเดียวกันในกรณีที่ผู้โดยสารที่ผ่านเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิอินฟราเรดอัตโนมัติ หากพบผู้โดยสารมีอุณหภูมิเกิน 37.5 องศาเซลเซียสก็จะให้นั่งรอตรวจซ้ำอีกครั้ง หากผลอุณหภูมิยังเกินก็ต้องกักตัว พร้อมกับส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลต่อไป ทั้งนี้ที่ท่าอากาศยานดอนเมืองยังมีศูนย์บริการฉีดวัคซีน และศูนย์ตรวจโควิด – 19 ไว้รองรับให้บริการผู้โดยสารสามารถ (Walk In) เข้าไปฉีดวัคซีน หรือตรวจหาเชื้อโควิด – 19 ได้ โดยศูนย์ฉีดวัคซีนนั้นสามารถรองรับการฉีดวัคซีนได้ประมาณ 900 โดสต่อวัน
อย่างไรก็ตามแผนการเปิดประเทศเป็นนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการเปิดประเทศนั้นแบ่งเป็น 3 ระยะคือ ช่วง วันที่ 1 พ.ย. 1 ธ.ค.64 และ 1ม.ค. 65 โดยระยะแรก วันที่ 1 พ.ย. 64 นั้นจะเปิดรับนักนักท่องเที่ยวจากประเทศความเสี่ยงต่ำ เข้ามายังประเทศไทย อาทิ อังกฤษ เยอรมันนี สหรัฐอเมริกา จีน สิงคโปร์ และออสเตรเลีย เป็นต้น โดยในระยะแรกในเดือนพฤศจิกายน 2564 นั้นคาดว่าผู้โดยสารระหว่างประเทศที่มาใช้บริการท่าอากาศยานดอนเมืองจะเฉลี่ยในระดับ 10,000 คนต่อวัน หรือประมาณ 20% เมื่อเทียบกับปี 2562 ก่อนเกิดโควิด-19 ที่มีผู้โดยสารระหว่างประเทศอยู่ในระดับ 50,000 ต่อวัน ขณะที่ผู้โดยสารภายในประเทศคาดว่าจะอยู่ในระดับ 60,000 คนต่อวัน จากเดือนตุลาคม 2564 มีผู้โดยสารภายในประเทศราว 11,000 12,000 คนต่อวัน