นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยมติการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ล่าสุด วันที่ 25 ตุลาคม 2564 ถึงโครงการประกันรายได้เกษตรกร 64/65 ปี 3 “ข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพด” ว่า
ครม.อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรและมาตรการคู่ขนานรักษาเสถียรภาพราคา พืช 3 ชนิด ข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2564/65 วงเงินรวม 2.7 หมื่นล้านบาท ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
ดูแลเกษตรกรครอบคลุมกว่า 5.66 ล้านครัวเรือน สำหรับการประกันรายได้เกษตรกรทั้ง 3 โครงการ ใช้งบประมาณรวม 2.2 หมื่นล้านบาท มีรายละเอียดดังนี้
1.โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 รอบที่ 1 วงเงิน 13,604 ล้านบาท ดูแลเกษตรกรผู้ปลูกข้าวครอบคลุมกว่า 4.68 ล้านคน
โดยประกันรายได้ให้เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2564/65 (รอบที่ 1) กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ปลูกข้าวระหว่างวันที่ 1 เมษายน – 31 ตุลาคม 2564 ยกเว้นภาคใต้ ระหว่างวันที่ 16 มิถุนายน 2564 - 28 กุมภาพันธ์ 2565
สำหรับการชดเชยส่วนต่างนั้น หลักเกณฑ์เหมือนกับปี 2563/64 โดยชดเชยเป็นจำนวนตันใน 5 ชนิดข้าว ณ ราคาความชื้นไม่เกินร้อยละ 15 ไม่เกินครัวเรือนละ 40 ไร่ (ข้าวเจ้า ครัวเรือนละ 50 ไร่) แปลงละ 1 ครั้ง ดังนี้
ข้าวเปลือกหอมมะลิ
ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่
ข้าวเปลือกเจ้า
ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี
ข้าวเปลือกเหนียว
ส่วนมาตรการคู่ขนานประกอบด้วย 3 โครงการ คือ
นอกจากนี้ ครม.มีมติเห็นชอบในหลักการโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 ตามมติ นบข. เมื่อ 23สิงหาคม 2564 ด้วย
2.โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2564/65 วงเงิน 1,863 ล้านบาท ดูแลเกษตรกรได้ครอบคลุมกว่า 4.52 แสนราย
โดยใช้เงินทุนจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และรัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ย และค่าบริหารจัดการให้กับ ธ.ก.ส. ทั้งนี้ ระยะเวลาโครงการเริ่มตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2564 - 30 เมษายน 2566
สำหรับมาตรการคู่ขนาน 2 โครงการ ประกอบด้วย
มากไปกว่านั้น ครม.ได้เห็นชอบให้สิทธิเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังที่ยังไม่เคยเข้าร่วมโครงการประกันรายได้ฯ ปี 2562/63 คือ กลุ่มที่แจ้งปลูกตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 – 31 มีนาคม 2563 จำนวน 8.41 หมื่นครัวเรือน ให้ได้สิทธิเข้าร่วมโครงการประกันรายได้ฯ ปี 2563/64
เนื่องจากการปลูกมันสำปะหลังจะต้องใช้เวลาประมาณ 8-12 เดือน ทำให้เกษตรกรบางส่วนที่เริ่มปลูกช้าและใช้เวลาปลูกนาน ไม่สามารถรับสิทธิโครงการได้ทัน โดยค่าใช้จ่ายในการชดเชยส่วนต่างกลุ่มดังกล่าวนี้ ยังคงภายใต้กรอบวงเงินโครงการเดิม ตามมติ ครม. (18 ส.ค.2563)
สำหรับมาตรการคู่ขนาน 4 โครงการ ประกอบด้วย