นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน โดยการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านคุณภาพของภาคอุตสาหกรรม เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น ซึ่งมีแผนแม่บทการกำหนดมาตรฐานระยะ 5 ปี (พ.ศ.2565-2569) เป็นกลไกสำคัญเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ
ทั้งนี้ ได้สั่งการให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) จัดทำมาตรฐานให้สอดคล้องกับความต้องการและความคาดหวังของ ทุกภาคส่วน ทั้งภาคอุตสาหกรรม ภาครัฐ และประชาชน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายรัฐบาล เพื่อให้สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตลอดจนเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคอุตสาหกรรม และคุ้มครองผู้บริโภคให้ปลอดภัยจากการใช้สินค้า
นายจุลพงษ์ ทวีศรี รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) กล่าวว่า ที่ประชุมบอร์ด สมอ. ได้มีมติเห็นชอบรายชื่อเพื่อจัดทำมาตรฐานในปีงบประมาณ 2565 จำนวน 596 เรื่อง โดยมีแผนตามที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณจำนวน 240 เรื่อง ครอบคลุมมาตรฐานกลุ่มเอสเคิร์ฟ (S-curve) นิวเอสเคิร์ฟ (New S-curve) กลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ มาตรฐานตามนโยบาย และมาตรฐานเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการ
นอกจากนี้ ยังเห็นชอบมาตรฐานระบบเตือนภัย และมาตรฐานสินค้าอื่นๆ รวม 58 มาตรฐาน รวมทั้งให้ สมอ. ควบคุมคาร์บอนไดร์ออกไซด์ทางการแพทย์ เป็นสินค้าควบคุมอีกด้วย
นายบรรจง สุกรีฑา เลขาธิการ สมอ. กล่าวว่า มาตรฐานระบบเตือนภัยตรวจจับการบุกรุกและการโจรกรรม เป็นมาตรฐานที่ สมอ. ได้ประกาศใช้ครั้งแรกเมื่อปี 2541 ซึ่งปัจจุบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 (covid-19) ส่งผลกระทบต่อประชาชนเป็นวงกว้าง สถิติการโจรกรรมและอาชญากรรมเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนหันมานิยมติดตั้งอุปกรณ์ระบบเตือนภัยในที่พักอาศัยและอาคารสถานที่ต่างๆ กันมากขึ้น สมอ. จึงได้นำมาทบทวนเพื่อแก้ไขปรับปรุงให้มีความทันสมัยสอดคล้องกับเทคโนโลยีการผลิตในปัจจุบัน โดยคาดว่าจะประกาศใช้มาตรฐานดังกล่าวภายในต้นปี 2565
“การประชุมบอร์ด สมอ. ครั้งนี้ นอกจากจะเห็นชอบให้ สมอ. จัดทำมาตรฐานระบบเตือนภัยตรวจจับการบุกรุกและการโจรกรรมที่ติดตั้งในอาคาร จำนวน 6 เรื่องแล้ว ยังได้เห็นชอบให้จัดทำมาตรฐานเพิ่มเติมอีก 52 เรื่อง อาทิ มาตรฐานระบบกักเก็บพลังงานสำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า เครื่องบำบัดโรคระบบทางเดินหายใจ มอนิเตอร์ระบบอากาศหายใจ เครื่องวัดปริมาณออกซิเจนในเลือด ยานยนต์ที่ติดตั้งระบบห้ามล้อฉุกเฉินขั้นสูง ยานยนต์ที่ติดตั้งระบบโทรศัพท์ฉุกเฉินเมื่อเกิดอุบัติเหตุ แหวนยางสำหรับท่อน้ำ สิ่งทอที่ใช้ตกแต่งภายในรถโดยสาร เอทานอลใช้ในทางเภสัชกรรม และเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ เป็นต้น”