ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาพอากาศภาคกลางที่แม้ฝนจะเริ่มทิ้งช่วงไปบ้าง แต่จังหวัดในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา อย่างจังหวัดสิงห์บุรี ที่ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายังคงสูงอยู่ ซึ่งหากมีฝนตกในพื้นที่เหนือเขื่อนเจ้าพระยาที่จ.ชัยนาท
ทำให้ต้องเร่งการระบายน้ำในเขื่อน จะทำให้พื้นที่ท้ายเขื่อน เช่น อ.สรรพยา จ.ชัยนาท และ จ.สิงห์บุรี ทั้ง อ.อินทร์บุรี อ.เมืองสิงห์บุรี อ.พรหมบุรี ไปจนถึง จ.อ่างทอง จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับผลกระทบ ปริมาณน้ำล้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนได้
แม้ในตัวเมืองสิงห์บุรี ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจ จะมีพนังกั้นน้ำไว้ตลอดแนว เป็นระยะทางกว่า 3 กม. แต่จากสภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีระดับความสูงกว่าถนนในตัวตลาดถึง 1 เมตร ก็ยังทำให้ประชาชนต่างวิตกกังวล เกรงว่าอาจมีรอยร้าวของพนังกั้นน้ำ ถึงกับมีการตรวจตราอย่างเข้มงวดตลอด 24 ชั่วโมง
ล่าสุดมาเกิดเหตุแนวดินกั้นน้ำในพื้นที่ชุมชนวัดปราสาท หมู่ 4 ต.อินทร์บุรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี พังเสียหาย ทำให้มวลน้ำเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนอย่างรวดเร็ว ระดับน้ำสูงถึง 1.5 -2 เมตร ประชาชนต้องขนของฝ่าน้ำออกมาอย่างทุลักทุเล ที่ว่าการอำเภออินทร์บุรี สถานีตำรวจ ตลาดฝั่งตะวันตก ต้องจมอยู่ใต้น้ำ
นายชัยชาญ สิทธิวิรัชธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี ต้องระดมสรรพกำลังซ่อมแซมพนังกั้นน้ำ ให้กลับคืนสภาพปกติ และสูบน้ำที่ท่วมลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาจนกลับมาอยู่ในสภาพปกติ
ขณะที่บริเวณคันคลองระบายใหญ่ชัยนาท-ป่าสัก 2 (หรือที่ชาวบ้านเรียกคลองเชียงราก) ต.ชีน้ำร้าย อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ถูกน้ำกัดเซาะความยาวประมาณ 50 เมตร ลึก 2เมตร ทำให้น้ำไหลเข้าพื้นที่ทุ่งเชียงรากบางส่วนไหลไปสู่คลองระบายใหญ่ชัยนาท-ป่าสัก3 (ชาวบ้านเรียกว่า แม่น้ำบางขาม) ซึ่งจะส่งผลกระทบทำให้มวลน้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่ ต.สร้อยทอง อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ อ.บ้านหมี่ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี
ผู้ว่าฯสิงห์บุรี พร้อมด้วยนายสมชาย ลีหล้าน้อย รอง ผวจ.สิงห์บุรี น.ส.นงเยาว์ เทพศิริ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายปัญญา ใช้เฮ็ง นอภ.เมืองสิงห์บุรี นางศิริลักษณ์ เหมาะพิชัย นอภ.อินทร์บุรี ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม และให้กำลังใจ จ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน จากสำนักงานชลประทาน เขต 10 ที่ดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยนำกระสอบทรายขนาดใหญ่ (ถุง BIGBAG) อุดจุดถนนคันดินที่น้ำเข้า เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำท่วมพื้นที่ทุ่งเชียงรากและชุมชนใกล้เคียง
ทางด้าน จ.ลพบุรี นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผวจ.ลพบุรี พร้อมด้วย นายประเสริฐ เล็กรุ่งเรืองกิจ ผอ.สำนักงานชลประทานลพบุรี พร้อมคณะลงพื้นที่แนวคลองชลประทานสาย ชัยนาท – ป่าสัก ในเขตอำเภอบ้านหมี่ และอำเภอเมืองลพบุรี
ซึ่งก่อนหน้านี้มีน้ำท่วมขังเป็นบริเวณกว้าง และตอนนี้ระดับน้ำลดลงแล้ว แต่ยังคงมีบางพื้นที่น้ำยังขังและเริ่มที่จะเน่าเสียมีกลิ่นเหม็น สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน รวมทั้งยังอาจส่งให้เกิดโรคระบาดที่มากับน้ำด้วย
สำหรับในการลงพื้นที่ในครั้งนี้เป็นการเร่งแก้ใขปัญหา วางแผนในการระบายน้ำเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพื้นที่ชุมชน โดยพบว่าปัจจุบันพื้นที่ฝั่งซ้ายคลองชัยนาท-ป่าสัก มีปริมาณน้ำท่วมขังที่ค้างอยู่ในทุ่งประมาณ 35 ล้านลูกบาศก์เมตร
จะต้องเร่งระบายลงสู่คลองชลประทานสายดังกล่าว แต่พบว่าปริมาณน้ำในคลองยังมีระดับสูงอยู่ จึงต้องประสานไปยังสำนักงานชลประทานที่ 12 ที่ดูแลประตูระบายน้ำมโนรมย์ ในการส่งน้ำเข้ามาในคลองชลประทาน
เพื่อให้ปรับระดับลดลงประตูระบายน้ำลงจากอัตรา 140 เหลือ 120 ลบ.ม./วินาทีประมาณ 2-3 วัน เพื่อให้ระดับน้ำในคลอง ชัยนาท-ป่าสัก มีระดับต่ำลง และสามารถระบายน้ำท่วมขังบริเวณพื้นที่ฝั่งซ้ายลงคลองชัยนาท-ป่าสัก ได้เร็วขึ้น
โดยสูบน้ำด้วยเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่และตามสถานีสูบน้ำ ซึ่งมีอยู่ตลาดตามแนวคลองชลประทานได้สูบน้ำลงไปในคลองได้อย่างมีประสิทธิภาพเข้าสู่สภาวะปกติ.