“แม่ปุ๋ยเคมี” ราคาพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ผลพวงจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นในรอบ 7 ปี ตู้คอนเทนเนอร์ขนส่งสินค้าขาดแคลน และค่าระวางเรือปรับตัวสูงขึ้น 4-5 เท่าจากปีที่แล้วทำให้ต้นทุนการนำเข้า-ส่งออกเพิ่มขึ้นมาก
ประกอบกับสถานการณ์ "โควิด-19" ที่ทำให้ทุกประเทศตระหนักถึงความจำเป็นความมั่นคงทางด้านอาหารที่ต้องมีหล่อเลี้ยงในประเทศ ทั่วโลกตระหนักและพร้อมใจกันพลิกผืนดินของตัวเองเพื่อเพิ่มผลผลิตทางด้านอาหาร ทำให้มีความต้องใช้ปุ๋ยเคมีเพิ่มขึ้น
นายเปล่งศักดิ์ ประกาศเภสัช นายกสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ประเทศไทยก็คงหลีกหนีไม่พ้น เพราะเราก็เป็นผู้ใช้รายเล็ก นำเข้าเพียงกว่า 5 ล้านตันเศษ เล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับผู้ใช้รายใหญ่ ทั้งหมดกว่า 200 ตัน ทั่วโลก ประเทศไทยไม่มีอำนาจการต่อรอง ดังนั้นทางสมาคมจึงจำเป็นที่จะต้องแถลงชี้แจงความจริงให้กับสังคมรับทราบ
กระทรวงพาณิชย์ จะให้ทางสมาคม ตรึงราคาปุ๋ยเคมี ไปถึงสิ้นปี ในนามสมาคมทำไม่ได้ เนื่องจากบริษัทแต่ละบริษัท ก็มีผลดำเนินธุรกิจเป็นของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากบริษัทสั่งนำเข้า แล้วให้มาขายในราคาเดิมจะทำได้อย่างไร อีกทั้งยังมีบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์อีก บริษัทก็ต้องดำเนินผลธุรกิจของพนักงาน ผู้ถือหุ้น จ่ายดอกเบี้ยธนาคาร จะทำตามนโยบายรัฐบาลได้อย่างไร อีกด้านหนึ่งก็เข้าใจดีว่าถ้าปรับขึ้นในราคาสูงเกษตรกรไม่มีกำลังซื้อ แต่ก็ต้องปรับราคาเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดได้
“วันนี้ราคาแม่ปุ๋ยเคมีของใหม่หากสั่งนำเข้า จะต้องเป็นไปตามราคาตลาดโลก แล้วจะให้เอกชนไปรับผิดชอบแทนเกษตรกรได้อย่างไร แล้วไม่รู้ว่าหากสั่งนำเข้ามาแล้วเกษตรกรไทยจะรับได้หรือเปล่า เพราะฉะนั้นปัญหาเรื่องปุ๋ยแพง ประเทศอื่นก็ยอมรับ ทีน้ำมันแพง ทำไม่รัฐบาลช่วย ค่าขนส่งแพงก็ให้ แต่พอปุ๋ยแพงทำไมไม่ให้ พอเราบอกไปอนาคตปุ๋ยจะขาดแคลน หากโดนบีบราคาก็ไม่ให้ปรับ ก็ไม่มีใครอยากนำเข้า”
นายเปล่งศักดิ์ กล่าวว่า เพื่อให้สังคมเข้าใจ สมาคม กรรมการบริหารสมาคม นักวิชาการ จะขอแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ในรอบ 15 ปี ในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ทำไม่สามารถให้ความร่วมมือกับภาครัฐได้ในการ "ตรึงราคาปุ๋ยเคมี" ไปจนถึงสิ้นปี ต้องบอกตามตรงว่าไม่มีใครอยากจะนำตัวเข้าแลก แต่ที่ทำทุกวันก็เพราะนั่งเป็นนายกสมาคม