วันนี้ (5 พ.ย.6) ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ว่า สถานการณ์ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ข้อมูลวันที่ 4 พฤศจิกายน 2564 ฉีดเพิ่มขึ้น 824,650 โดส สะสม 78,656,124 โดส เป็นเข็มที่ 1 จำนวน 43.4 ล้านโดส คิดเป็นร้อยละ 60.3 ของประชากร 72 ล้านคน ทั้งคนไทยและผู้ที่อยู่ในแผ่นดินไทยทุกคน เข็มที่ 2 อีก 32.7 ล้านโดส คิดเป็นร้อยละ 45.4 และเข็มที่ 3 อีก 2.5 ล้านโดส คิดเป็นร้อยละ 3.5
ทั้งนี้ คาดว่าใน 1-2 วันนี้ จะสามารถฉีดวัคซีนสะสมได้ถึง 80 ล้านโดส ขณะที่ภาพรวมการฉีดวัคซีน เป็นซิโนแวคแล้ว 24.5 ล้านโดส แอสตร้าเซนเนก้า 34.4 ล้านโดส ซิโนฟาร์ม 12.7 ล้านโดส ไฟเซอร์ 6.5 ล้านโดส
นพ.โอภาส ยังกล่าวถึงพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว 17 จังหวัด หรือ พื้นที่สีฟ้า ที่ต้องฉีดวัคซีนครอบคลุมกว่าพื้นที่อื่น ว่า ยอดรวมสะสมร้อยละ 80 ของประชากร ซึ่งจะมีความปลอดภัย ช่วยลดการติดเชื้อลงได้ และหากติดเชื้ออาการก็จะไม่รุนแรง โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 คือ ผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 แล้วร้อยละ 77 เข็มที่ 2 อีก ร้อยละ 64
ส่วนเดือนธันวาคมนี้ จะมีจังหวัดอื่นเข้ามาเป็นพื้นที่สีฟ้าเพิ่มขึ้นอีก 17-18 จังหวัด จึงขอให้เร่งฉีดวัคซีนกันต่อไป
สำหรับการติดเชื้อรายใหม่ของ 4 จังหวัดชายแดนใต้ ระยะหลังชะลอตัว ลดลงช้าๆ ตามแนวโน้มของประเทศ เนื่องจากประชาชนให้ความร่วมมือฉีดวัคซีน ตรวจหาเชื้อด้วย ATK และปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ เชื่อว่าสถานการณ์จะค่อยๆ ดีขึ้น โดยเฉพาะ จ.ยะลา และ จ.นราธิวาส มีแนวโน้มลดลง เชื่อว่าไม่เกิน 3 สัปดาห์ สถานการณ์จะกลับเข้าใกล้จังหวัดอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม มี 6 จังหวัด ที่ต้องจับตาเนื่องจากติดเชื้อเพิ่มค่อนข้างมาก คือ 1.จ.นครศรีธรรมราช 2.จ.เชียงใหม่ 3.จ.ระยอง 4.จ.จันทบุรี 5.จ.ตาก และ 6.จ.ขอนแก่น