บ้านปู เน็กซ์ ได้ดำเนินการเข้าซื้อหุ้นทั้งหมด หรือ 100% ของบริษัท เอ็นจี เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด (ESTH) ผู้ให้บริการด้านการบริหารจัดการพลังงานชั้นนำของไทย เพื่อขยายบริการระบบบริหารจัดการพลังงานของบ้านปูเน็กซ์ (Energy Management System หรือ EMS) และอีโคซิสเต็มโซลูชันพลังงานฉลาด (Smart Energy Solutions) เต็มรูปแบบ เพื่อขยายพอร์ตพลังงานสะอาด รับเทรนด์พลังงานโลกในอนาคต
นายเจมส์ รามา ปัทมินทรวิภาส ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด เปิดเผยว่า การเข้าซื้อกิจการของเอ็นจี เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) เป็นการต่อยอดธุรกิจตามแผนเดินหน้าลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Investment) ภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter ซึ่งบริษัทเล็งเห็นว่าตลาดการให้บริการระบบบริหารจัดการพลังงาน (EMS) ของไทยและทั่วโลก มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
ประกอบกับการประกาศแผนพลังงานแห่งชาติของภาครัฐ ที่เตรียมจะนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมการบริหารจัดการพลังงานมาเสริมให้เกิดการใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ โดยในปัจจุบันประเทศไทยมีการใช้พลังงานไฟฟ้าในส่วนโรงงานอุตสาหกรรม และอาคารพาณิชย์ ปีละกว่า 130,000 ล้านหน่วย
ซึ่งถ้าประหยัดพลังงานได้ 10% จะมีมูลค่ากว่า 4.5 หมื่นล้านบาท โดยขณะนี้บริษัทมีลูกค้าที่เป็นบริษัทชั้นนำในหลากหลายธุรกิจ เช่น อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ อุตสาหกรรมยางรถยนต์ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ เป็นต้น
อีกทั้ง ยังสามารถนำเสนอบริการการผลิตไฟฟ้าจากระบบโซลาร์ และบริการแพลตฟอร์ม E-Mobility เพิ่มเติม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในการนำเทคโนโลยีมาใช้ในองค์กรเพื่อให้เกิดการใช้ไฟฟ้าได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด
สำหรับเอ็นจี เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) เป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการจัดการพลังงานภายในอาคาร และโรงงานอุตสาหกรรมที่ขึ้นทะเบียนกับสมาคมบริษัทจัดการพลังงานไทยอย่างเป็นทางการ มีความเข้าใจในการออกแบบระบบการจัดการพลังงานที่ได้มาตรฐาน
“การเข้าลงทุนในครั้งนี้ เราจะนำความเชี่ยวชาญ และจุดแข็งด้านบุคลากรของเอ็นจี เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) มาผสานเข้ากับประสบการณ์ด้านพลังงานสะอาด และเทคโนโลยีพลังงานของบ้านปู เน็กซ์ พร้อมเดินหน้าพัฒนาโปรดักซ์ รวมถึงแพลตฟอร์มพลังงานใหม่ๆ เพื่อเป็นตัวช่วยให้ผู้ประกอบการทุกอุตสาหกรรม มีการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพ ลดต้นทุนค่าพลังงาน และสร้างการเติบโตให้ธุรกิจลูกค้าอย่างยั่งยืน รวมถึงต่อยอดธุรกิจระบบทำความเย็นแบบรวมศูนย์ หรือ District Cooling System ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพในการเติบโต และจะขยายบริการต่างๆ ไปยังตลาดต่างประเทศด้วย”