ประกันรายได้ข้าวแก้ปัญหาระยะสั้น-ใช้งบมาก นักวิชากรแนะกำหนดเพดานให้ชัด

10 พ.ย. 2564 | 23:05 น.
อัปเดตล่าสุด :12 พ.ย. 2564 | 13:19 น.

อนุสรณ์ชี้การประกันรายได้ข้าวแค่แก้ปัญหาระยะสั้น ใช้เงินมาก แนะกำหนดเพดานช่วยเหลือให้ชัด ด้านจรินทร์ เจริญศรีหากปรับลดหรือเปลี่ยนแปลงชาวนาคงไม่ยอม

นายอนุสรณ์  ธรรมใจ  อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์  มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า การประกันรายได้การปลูกข้าวเป็นการแก้ปัญหาระยะสั้นให้กับเกษตรกร โดยโครงการประกันรายได้การปลูกข้าวนาปี 64/65  ต้องใช้วงเงินสูง  89,000 ล้านบาท ซึ่งยอมรับว่ามีความเสี่ยง เมื่อราคาตลาดโลกปรับลดลง เช่น ประกันราคา 10,000 บาทต่อตัน หากราคาตลาดลดเหลือ 5,000 บาทต่อตัน  รัฐบาลต้องมีภาระหนักเรื่องชดเชยส่วนต่างมากขึ้น   ดังนั้นรัฐบาลควรที่จะต้องกำหนดเพดานการช่วยเหลือให้ชัดเจน สามารถช่วยเหลือได้เท่าไร เพื่อให้ชาวนากำหนดพื้นที่ปลูกเหมาะสม 

ทั้งนี้ การแก้ปัญหาระยะยาวให้กับเกษตรกร ต้องมุ่งเพิ่มมูลค่าการผลิต การลดต้นทุน ปรับโครงสร้างการผลิต การตลาด ทั้งวงจร เพื่อให้เกิดประโยชน์กับชาวนา เนื่องจากปัจจุบันรายได้ตกอยู่กับพ่อค้าคนกลาง ผู้ส่งออก  จึงต้องหันมาใช้งานวิจัย การพัฒนา พัฒนาระบบปลูกข้าว เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมมูลค่าสูง  การพัฒนาพันธุ์ข้าว  เมื่อชาวนาได้ประโยชน์จะช่วยลดภาระงบประมาณเรื่องการชดเชยราคา

"การจำนำข้าว รัฐเป็นเจ้าของข้าวที่เกษตรกรนำมาจำนำ จากนั้นจะนำข้าวมาเก็บไว้ในโกดัง โดยมีข้าวอยู่ในมือรัฐบาล  แต่มีความเสี่ยงเรื่อง ทุจริต การรั่วไหล เพราะรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องในทุกขั้นตอน ทั้งประมูลขายข้าว จัดเก็บข้าว ขณะที่โครงการประกันรายได้ รัฐไม่ต้องเก็บข้าวเอาไว้ แต่ข้อมูลต้องแม่นยำ เรื่องการกำหนดราคารับซื้อ และประเมินทิศทางตลาด ไม่เช่นนั้น ต้องใช้เงินจำนวนมากมารองรับ"  

ยอนุสรณ์  ธรรมใจ
นายจรินทร์ เจริญศรี  นักวิชาการประจำหลักสูตร มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า เมื่อรัฐบาลประกาศโครงการประกันรายได้ข้าวนาปี 64-65 ต้องใช้เงิน 89,000 ล้านบาท  การปรับลดหรือเปลี่ยนแปลงคงทำได้ยาก เพราะชาวนา คงไม่ยอม 

ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ เจ้าของโครงการคงไม่ยอมเช่นเดียวกัน  หนทางเดียว คือ เดินหน้ากู้เงินมารองรับโครงการดังกล่าว  โดยต้องยอมขยับเพดานหนี้สาธารณะเพิ่มเติม    มองว่าแนวทางดูแลราคาเป็นปัญหาระยะสั้น แต่สิ่งที่ต้องทำเร่งด่วนภายใน 1 ปี  คือ การพัฒนาการปลูกข้าว นำเทคโนโลยี พัฒนาพันธุ์ให้ตรงกับความต้องการของตลาด  
อย่างไรก็ดี หากมองดูประเทศคู่แข่ง จีน เวียดนาม อินเดีย โดยจีนปลูกข้าว โดยใช้เทคโนโลยี การวิจัยพัฒนาได้ผลผลิต 1,400 กิโลกรัมต่อไร่ มากกว่าไทย 3 เท่า ผลิตได้ 400 กิโลกรัมต่อไร่   การดูแลการปลูกข้าวครบวงจร   ไทยจึงต้องหันมาทำแบบประเทศเพื่อนบ้าน ช่วยเหลือระยะสั้นอย่างเดียวคงไม่ได้