นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (CKPower) ชื่อย่อหลักทรัพย์ CKP เปิดเผยว่า ไตรมาสที่ 3/64 CKPower มีรายได้รวม 2,508.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 377.9 ล้านบาท หรือ 17.7% และมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทฯ สูงถึง 1,234.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 403.6 ล้านบาท หรือ 48.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ กำไรดังกล่าวถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัทฯ โดยการเติบโตของผลการดำเนินงานมาจากรายได้จากการขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 (NN2) จำนวน 998.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และที่สำคัญบริษัทฯ มีส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนเพิ่มขึ้น 49.8%
โดยส่วนใหญ่มาจากการลงทุนในบริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด (XPCL) โดยโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี มีปริมาณน้ำไหลผ่านโรงไฟฟ้าเฉลี่ยมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้มีรายได้ 4,799 ล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายทางการเงินลดลงจากการทยอยชำระคืนเงินต้นและอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้ XPCL มีกำไรสุทธิสูงถึง 2,366 ล้านบาท อีกทั้ง CKPower ได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน XPCL เป็น 42.5% ตั้งแต่ สิ้นไตรมาสที่ 2/2564 ทำให้รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก XPCL มากขึ้นอีกด้วย
ส่วนผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนของปี 64 CKPower มีรายได้รวม 6,905 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,180.8 ล้านบาท หรือ 20.6% และมีกำไรสุทธิ 2,056.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,659.6 ล้านบาท หรือ 418.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือเป็นกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัทฯ เช่นกัน โดยมีปัจจัยมาจากรายได้จากการขายไฟฟ้าของ NN2 เพิ่มขึ้น 77.8% และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 479.1% ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการลงทุนใน XPCL เช่นเดียวกัน
สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้าของไทย ในปัจจุบันผู้ผลิตไฟฟ้าในไทยมีการลงทุนในโครงการไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนมากขึ้นเป็นอย่างมาก เพื่อช่วยลดการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิตไฟฟ้า ซึ่งเป็นแนวทางการลงทุนที่ CKPower มีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะการลงทุนและพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่
“ปัจจุบัน CKPower มีการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ในสัดส่วน 89% ของกำลังการผลิตติดตั้งรวม ทั้งจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำและโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะคงสัดส่วนการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนให้ไม่น้อยกว่า 85% ของกำลังการผลิตติดตั้งรวม ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาลไทยที่จะมุ่งสู่สังคมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Greenhouse Gas Emissions) ภายในปี พ.ศ. 2608”