นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยถึงผลสำรวจสถานภาพธุรกิจไทยหลังโควิด-19 ปัญหาอุปสรรค และแนวทางการแก้ไข โดยกลุ่มตัวอย่าง SMEs จำนวน 625 รายทั่วประเทศพบว่า สถานภาพธุรกิจเมื่อเปรียบเทียบก่อนโควิด-19 ยอดขายลดลง18.6 %โดยเฉพาะธุรกิจการค้า ประเภทค้าส่งค้าปลีก
ในขณะที่ต้นทุนเพิ่มขึ้น14.9% กำไรลดลง 20.6% คำสั่งซื้อลดลง 15.3% ทำให้SMEs ขาดสภาพคล่องส่งผลต่อการประกอบธุรกิจ ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีการคลายล็อกเปิดประเทศแล้วก็ตาม โดย SMEs 40.1% บอกว่าได้รับผลกระทบมากและมีโอกาสปิดกิจการ ถึงแม้ว่ารัฐจะออกมาตรการต่างๆ เพื่อมาลดผลกระทบ แต่SMEs ส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงมาตรการได้ โดยเฉพาะการเพิ่มสภาพคล่องเนื่องจากประสบปัญหาในเรื่องของการขาดหลักทรัพย์ค้ำประกันและเงื่อนไขของสถาบันการเงิน
ขณะเดียวกันยังรวมถึงยังมีปัจจัยอื่นๆเข้ามามีส่วนทั้งต้นทุนประกอบการที่สูงขึ้นจากการผลิตสินค้าและต้นทุนที่สูงขึ้นจากมาตรการโควิด-19 จึงต้องการให้ภาครัฐเข้ามาช่วยในเรื่องของการเพิ่มสภาพคล่องอย่างเร่งด่วนด้วยการปล่อยสินเชื่อโดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันเพื่อให้มีโอกาสเข้าถึงเงินทุนได้ดีขึ้น การลดหย่อนภาษี สำหรับอนาคต และการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาคการท่องเที่ยว อีกทั้งขอให้รัฐผ่อนคลายให้ธุรกิจกลางคืนสามารถเปิดกิจการได้ เนื่องจากมี สัดส่วนต่อ GDP ถึง 20% คิดเป็นเม็ดเงิน 2-3 ล้านล้านบาทต่อปีต่ยังคงต้องเปิดภายใต้มาตรการทางด้านสาธารณสุขที่ให้ทุกคนปฏิบัติร่วมกันกับโควิด