นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยในการปาฐกถาพิเศษ ยุทธศาสตร์เดินหน้าเศรษฐกิจไทย 2022 ว่า เศรษฐกิจไทยในปีหน้านั้นยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่ โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดกลายพันธุ์ใหม่อย่าง โอไมครอน ซึ่งก็ต้องขอเวลาในการวิเคราะห์ เพื่อดูผลกระทบที่จะเกิดขึ้น เพราะเป็นเรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้นซึ่งในปีหน้านั้น รัฐบาลจะคงต้องมาตรการที่เข้มข้นในการปกป้องประชาชนในแระเทศและภาคธุรกิจไม่ให้เกิดการแพราระบาดอีก ซึ่งมั่นใจว่ารัฐบาลจะให้ความสำคัญมากที่สุดในเรื่องนี้ในปีหน้าเพราะหาเกิดการแพร่ระบาดจะกระทบกับเศรษฐกิจในประเทศได้
“ขณะนี้รัฐบาลไทยได้ออกประกาศห้าม8ประเทศเดินทางเข้าไทย ประกอบด้วย บอตสวานา เอสวาตินี เลโซโท มาลาวี โมซัมบิก นามิเบีย แอฟริกาใต้ และซิมบับเว แล้ว และรัฐบาลมีการเตรียมพร้อมทั้งวัคซีนและยารักษา รวมถึงประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมาฉีดวัคซีน ซึ่งการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่เป็นปัจจัยลบใหหม่ที่ไทยต้องเตรียมพร้อม”
โดยในปี2565 ปัจจัยลบ ยังคงมีอยู่ไม่กี่ประเด็น ไม่ว่าจะเป็นหนี้ครัวเรือนที่มีความเปราะบางซึ่งต้องใช้มาตรการที่มีอยู่ในการปรับปรุงหนี้ครัวเรือนเพื่อให้ประชาชนและภาคธุรกิจมีกำลังเดินหน้าต่อ ซึ่งNPL ยังอยู่ในระดับที่ไม่สูง ประมาณ3%ถือว่ายังพอรับได้ แต่ที่น่ากังวลคือหนี้สินเชื่อบัตรเครดิตที่ยังสูง รวมถึงเงินเฟ้อที่มีการปรับตัวสูงขึ้นจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นซึ่งส่งผลต่อราคาสินค้า รวมถึงเศรษฐกิจโลกที่มีการฟื้นตีวที่เร็วทำให้เงินเฟ้อสูงซึ่งก็ต้องมอนิเตอร์ต่อไป แต่หลังจากที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ก็ฉุดให้ราคาน้ำมันลดลงมาซึ่งก็ช่วยในเรื่องของราคาสินค้าไม่สูงมากไปกว่านี้
ส่วนปัจจัยบวกในปีหน้า การส่งออกยังคงเป็นพระเอกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยรวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง แต่ทั้งนี้ก็ต้องระวังการกลับมาแพร่ระบาดของไวรัสโควิดที่อาจจะลุกลามไปยังโรงงานซึ่งเป็นฐานการผลิตเพื่อการส่งออกด้วย
“มาตตราการที่จะใช้ในปีหน้า มี3 เรื่อง คือ การคุมการการะบาดของไวรัสโควิด การเตรียมการเยียวยาต่างหากมีการแพร่ระบาดอีกครั้ง จากมาตรการการเงิน ซึ่งยังคงมีและจะยังคงดำเนินการต่อในปีหน้า การรักษาระดับการจ้างงานและแรงงาน ซึ่งรัฐบาลเองได้มีการเปิดให้มีการนำเข้าแรงงานเข้ามาภายใต้มาตรการคุมเข้มเรื่องการตรวจหาเชื้อไวรัศโควิด และการกระตุ้นให้การท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้น ซึ่งขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างการปรับปรงกฎระเบียบต่างๆเพื่อเอื้อต่อการเข้ามาของนักท่องเที่ยวให้อยู่ในไทยมากขึ้น ซึ่งในสัปดาห์นี้จะมีการประชุมเรื่องการออกวีซ่าผู้พำนักระยะยาว (long-term resident visa) ซึ่งน่าจะมีความชัดเจนขึ้นเพื่อเป็นการช่วยภาคการท่องเที่ยวและผู้ประกอบการซึ่งปีหน้าคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาไทยประมาณ5ล้านคน ภายใต้สมมุติฐานที่ยังไม่มีการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ส่วนอุตสาหกรรมใหม่ๆก็ยังคงดำเนินการคู่กันไปและเร่งส่งเสริมการลงทุนของนักลงทุนที่ขออนุญาติลงทุนในปีหน้า เป็นต้น”
ส่วนปีนี้ในช่วงที่เหลือ ตามประมาณการของสศช.ปีนี้ คาดว่าเศรษฐกิจไทยปี64โต1.2% ซึ่งเป็นขอบบนที่เคยประกาศไว้ก่อนการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ และเงินดุลสะพัดน่าจะลบ เพราะมีการนำเข้าเครื่องจักร และวัตถุดิบมาผลิตเพื่อส่งออกมากขึ้น ประกอบกัการท่องเที่ยวที่เป็นรายได้หลักของไทยยังไม่ฟื้นตัวส่งผลให้เงินดุลสะพัดปีนี้อยู่ที่-2.5% ส่วนพระเอกของปีนียังคงเป็นส่งออกไทยที่คาดการณ์ว่าจะขยายตัว16.8% ส่วนเศรษฐกิจไทยปี65 คาดว่าจะโต 3.5-4.5% หรือเฉลี่ยขยายตัว4% ในขณะที่เศรษฐกิจโลกน่าจะขยายตัว4.6-4.8% และส่งออกไทยในปีหน้ายังคงเป็นเครื่องยนต์ที่สำคัญอยู่