จากกรณีที่ สำนักงานประกันสังคม ได้โอนเงินเยียวยาผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดเชื้อโควิด 19 โดยรอบแรกพื้นที่สีแดงเข้ม 3 จังหวัด รอบที่สองเพิ่มอีก 10 จังหวัด และ รอบที่สามเพิ่มอีก 16 จังหวัด รวมพื้นที่สีแดงเข้มทั้งสิ้น 29 จังหวัด
แยกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
สำหรับเงินเยียวยามาตรา 33
มาตรา 39
มาตรา 40
เยียวยาแล้ว 1 แสนล้าน
ขณะที่ นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาล เผยว่า รัฐบาลได้เริ่มทยอยโอนเงินเยียวยาเข้าบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับบัตรประชาชนของผู้ประกันตนมาตรา 33 มาตรา 39 มาตรา 40 ที่ได้รับผลกระทบใน 9 ประเภทกิจการ ครอบคลุมพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด
โดยสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ได้จ่ายไปแล้ว 100,807,738,500 บาท ครอบคลุม นายจ้าง 176,769 แห่ง และผู้ประกันตน 12,096,818 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 26 พ.ย. 64)
พร้อมแล้วเยียวยาสถานบันเทิง 3 กลุ่ม
เมื่อวานนี้ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมร่วมกับ น.ส.สุนทราลักษณ์ เพ็ชรกูล ที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ และผู้แทนกลุ่มคนกลางคืน อาทิ ตัวแทนนักดนตรี ผู้จัดงานคอนเสิร์ต สมาพันธ์เครือข่ายคนบันเทิงอาชีพแห่งประเทศไทย ฯ
นายสุชาติ กล่าวว่า สำหรับแนวทางการช่วยเหลือ จะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มที่ 1 นายจ้าง ประกันสังคมมาตรา 33
กลุ่มที่ 2 ลูกจ้างที่อยู่ในระบบประกันสังคมมาตรา 33
นายสุชาติ กล่าวว่า กลุ่มลูกจ้างที่อยู่ในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 ที่อยู่ในธุรกิจ ผับ เธค บาร์ ทั้งเด็กเสริฟ พ่อครัว เสมียนบัญชี เราก็ดูแล โดยให้สำนักงานประกันสังคมออกประกาศเยียวยา 50% เหตุสุดวิสัยขาที่ 1 ส่วนขาที่ 2 หากไม่เพียงพอในการใช้จ่ายก็จะขอในส่วนของเงินกู้สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ศสช.) ซึ่งตั้งตัวเลขไว้ 5,000 บาท แต่ต้องรอหารืออีกครั้งวันนี้
ทั้งนี้หากอยู่ในระบบประกันสังคมจะได้ 2 ขา โดยให้ประกันสังคมช่วย 50 เปอร์เซ็นต์ อีกส่วนขอเงินกู้จากรัฐบาล
กลุ่มที่ 3 ลูกจ้างที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม มาตรา 40
“ผู้ที่เป็นศิลปินอิสระที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม อาจจะต้องขึ้นทะเบียนประกันสังคมตามมาตรา 40 ซึ่งคาดการณ์ทั้งประเทศจะมีไม่เกิน 1 แสนคน แต่ปัญหาอยู่ที่การรับรอง จึงขอให้สมาคมต่างๆรับรองบุคลากรคนของท่าน ทั้งนี้วันนี้จะมีการหารือเพื่อให้ได้ข้อสรุปนำเสนอต่อศสช.ในการพิจารณาเงินกู้ของกระทรวงการคลัง และนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา”
นายสุชาติ กล่าวอีกว่า ได้ตรวจสอบตัวเลขในระบบพบว่า ทั้งประเทศคาดว่าอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 1.5-2 แสนราย ซึ่งจะต้องใช้เม็ดเงินกู้จากรัฐบาลเยียวยาประมาณ 750-1,000 ล้านบาท ส่วนผู้ที่เกินอายุเกิน 65 ปี ซึ่งไม่เข้าข่ายมาตรา 40 ประกันสังคม จะประสานให้กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) สำรวจตัวเลขและเป็นผู้ดูแลเยียวยาต่อไป
ทั้งนี้ จะเร่งเยียวยาภายในเดือนนี้ และแผนการเยียวยาจะให้ 1 เดือน ก่อน เนื่องจากคาดว่าในวันที่ 16 มกราคม 2565 ผับ บาร์ คาราโอเกะ อาจจะสามารถกลับมาเปิดให้บริการได้.