จากที่กรมทางหลวง โดยแขวงทางหลวงปทุมธานี ได้มีโครงการก่อสร้าง ปรับปรุงจุดกลับรถบริเวณใต้สะพานคลอง1 และจุดกลับรถบริเวณใต้สะพานคลอง 2 ถนนรังสิต-นครนายก โดยลงนามตั้งแต่เดือนมีนาคม 2564 และสัญญาสิ้นสุดเดือนสิงหาคม2564 โครงการก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ จึงมีการขยายสัญญาจากเดือนกันยายน-พฤศจิกายน2564 แต่งานยังไม่มีความคืบหน้า ทำให้ชาวรังสิตได้รับความเดือดร้อน จากที่ทางกลับรถถูกปิดมาตั้งแต่ต้นปี จึงได้ออกมาแสดงความไม่พอใจผ่าน"เพจกลุ่มรังสิตบ้านเรา" กว่า4 หมื่นราย
โดยประธานศูนย์ RANGSIT KNOWLEDGE CENTER หรือศูนย์ตักศิลารังสิต องค์กรรับเรื่องร้องเรียนความไม่เป็นธรรมจากการปฏิบัติงานของหน่วยงานรัฐปทุมธานี ได้สะท้อนสิ่งเกิดขึ้นว่า ทางศูนย์ฯได้รับเรื่องร้องเรียนความเดือดร้อนจาก2 โครงการมาหลายครั้ง และได้สะท้อนปัญหาไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบแต่ยังเงียบ ขณะที่ความเดือดร้อนของชาวรังสิตนับวันหนักขึ้นต่อเนื่อง
โดยชาวรังสิตอยากทราบว่า เกิดอะไรขึ้น เหตุใดจึงก่อสร้างไม่แล้วเสร็จจนต้องมีการขยายสัญญาออกไป ถึง2 ครั้ง ครั้งแรกมีนาคม-สิงหาคม ครั้งที่ 2 กันยายน-พฤศจิกายน 2564 แต่โครงการก็ไม่คืบหน้าจึงเชื่อว่าจะมีครั้งต่อๆไปตามมา และความเดือดร้อนก็ยังดำรงอยู่
“วันนี้ หน่วยงานรัฐอย่ามองปัญหาความเดือดร้อนชาวบ้านเป็นเรื่องเล่นๆ ที่จะผลัดวันปะกันพรุ่งไปเรื่อยๆโดยไม่เกรงใจ เพราะทำแบบนี้มัน คือ การด้อยค่าชาวบ้าน ทั้งที่พวกเขาเป็นผู้จ่ายภาษีทุกประเภททั้งภาษีสรรพสามิต ภาษีสรรพการ หรือภาษีศุลกากร แต่เงินงบประมาณแผ่นดินจากภาษีของพวกเขา เวลานี้กลับกำลังย้อนมาสร้างความเดือนร้อนให้ชาวบ้านเสียเอง เป็นสิ่งที่หน่วยงานรัฐไม่ควรทำ อย่าทิ้งปัญหาจนทำให้ประชาชนเขาทนไมได้ ถึงเวลานั้นมันจะแก้ยาก
ดังนั้น ในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนระยะสั้น ทางศูนย์เสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี คือผู้ว่าหมูป่า ลงมาช่วยท้องที่แก้ปัญหาอย่างจริงจังกว่านี้ อย่าไปกังวลมากกับการสมัครผู้ว่ากทม. เพราะตราบใดที่อยู่ปทุมธานี ต้องช่วยแก้ปัญหาคนปทุมให้ดีเสียก่อน เพราะคนที่นี้ไม่ใช่ลูกเมียน้อย ท่านผู้ว่าต้องอยู่กับปัจจุบันคือการแก้ความเดือดร้อนชาวรังสิต อย่าไปกังวลมากกับอนาคตของตัวเองเดียวจะเสียคุณค่าที่เคยมี”
สำหรับแขวงทางหลวงปทุมธานี ควรมีแผนแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นชัดเจนว่า จะทำอย่างไร จะแก้อย่างไร จะปล่อยปัญหาไปแบบนี้เรื่อยๆไม่ได้ เพราะมันเหมือนจับคนรังสิตไปเป็นตัวประกันความเดือดร้อน เป็นสิ่งที่หน่วยงานรัฐไม่ควรทำ และเสนอว่าผู้บริหารระดับกรมควรต้องลงไปดู เพราะเป็นไปได้อย่างไรสร้างแค่ทางกลับรถใช้เวลาเป็นปีๆ
ประธานศูนย์ตักศิลารังสิตยังกล่าวอีกว่า เนื่องจากบนถนนรังสิต-นครนายก ช่วงคลอง1-คลอง3 มีทางกลับรถน้อยอยู่แล้วหลังปิดสะพานกลับรถทั้ง 2 แห่ง ดังนั้น สถานีตำรวจภูธรประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ควรเปิดจุดกลับรถตรงคลอง1 บริเวณหน้าสำนักงานไปรษณีย์รังสิตเพิ่ม ไม่ใช่ไปปิดแบบนั้น เพราะมันคือการซ้ำเติมความเดือดร้อน เหมือนคนติดถ้ำ อย่าปล่อยให้ต่อแถวยาวเหยียดออกทางเดียว ทั้งที่มีทางออกหลายทาง ต้องเปิดอย่าปิด แม้จะผิดหลักวิศวกรรมจราจรแต่ในภาวะที่คนไม่มีทางเลือกบางอย่างก็ต้องยกเว้นไว้ก่อน
“อีกปัญหา คือ เรื่องฝุ่นบนถนนสายรังสิต-นครนายก ซึ่งเป็นที่มาของ PM2.5 เนื่องจากมีงานก่อสร้างวางท่อประปา ทำให้ประชาชนที่ไปนั่งรอรถประจำทาง พ่อค้า แม่ค้า และวินมอเตอร์ไซค์ได้รับความเดือดร้อน แต่ทางเทศบาลในพื้นที่ 2 แห่ง ก็รับปากเร่งรับไปแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชนต่อไปแล้ว”
“วิไลวรรณ์ กล่อมขุนทด “แม่ค้าไก่ย่างวิเชียรรังสิตกล่าวว่า หนูอยู่ซอย31 รังสิต-นครนายก จุดก่อสร้างสะพานกลับคลอง2 สงสัยว่ากรมทางหลวงมาทุบสะพานกลับรถทำไม ทั้งที่สภาพยังใช้งานได้ดีอยู่ และเมื่อมาปิดทุบก็ไม่เห็นทำอะไรต่อ มีแต่กองดิน ผ่านมาเกือบปีแล้ว รอว่าเมือไหร่จะเสร็จ แต่เมื่อไม่ลงมือทำอะไร มันจะเสร็จได้อย่างไร คนรังสิตพวกเราเดือดร้อน เพราะไม่มีทางกลับรถ เวลาจะกลับรถต้องเดินทางไกลเป็นกิโลเสียทั้งค่าน้ำมันและอันตรายยิ่งเศรษฐกิจแบบนี้ด้วย
“แนน จิสุดา” ชาวรังสิตกล่าวว่า จุดกลับรถไม่เสร็จอย่างเดียวยังไม่พอ ยังมีท่อประปาใหญ่วางทิ้ง บนถนนไม่เสร็จอีก เลนซ้ายปิดเป็นช่วงๆ บางจุดก็เอาดินมาปิดกลบไว้ เอาแบรีเออร์สีส้มมาวางขวางเอาไว้ “ลูกชาย เอายุ 3ขวบถามว่ารถแบล็คโฮจอดทิ้งไว้ทำไม ท่อวางมีไว้ทำไมครับบนถนน เราตอบลูกไม่ถูกเลยค่ะ เพราะผ่านทีไรรถก็จอดไว้ ท่อก็วางไว้ไม่ค่อยจะเห็นคนทำงานกันเลย ความทุกข์ของประชาชนสายคลอง ที่ต้องอดทนอยู่แบบนี้ไปนานแค่ไหนค่ะ”
“หนุ่ม เจริญวงศานนท์ “ กล่าวว่า ขอเสนอให้ชาวรังสิตรวมตัวกันไปที่หน้าแขวงทางหลวงปทุมธานีดีกว่า เพื่อให้สื่อได้ลงทุกช่องทาง อยากสะท้อนให้คนเห็นความเดือดร้อนของคนรังสิต ทนจนไม่รู้จะทนได้อีกนานแค่ไหนแล้วกับสภาพรถติดแบบนี้
ด้าน รตอ.ดร.ตรีลุพธ์ ธูปกระจ่าง นายกเทศมนตรีนครรังสิต เจ้าของพื้นที่ก่อสร้างโครงการทั้ง 2 จุดกล่าวว่า ทางเทศบาลนครรังสิต เอง ไม่ได้นิ่งนอนใจ ตระหนักถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่ร้องเรียนมาทุกช่องทาง และได้มีการส่งทีมงานลงไปสำรวจความคืบหน้าไปเป็นระยะๆ ขณะเดียวกันก็ได้สอบถามไปทางผู้อำนวยการแขวงทางหลวงจังหวัดปทุมธานีตลอดเวลา ซึ่งได้รับการแจ้งว่า จะเร่งรัดโดยเร็ว
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 8 ธนวาคม 2564 นายกเทศมนตรีนครรังสิตได้ส่งนายธนเดช ศรีเพชร รองนายกเทศมนตรีนครรังสิต ที่กำกับดูแลสำนักการช่าง ร่วมกับผู้แทนองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างทางกลับรถบริเวณคลอง2 ถนนรังสิต-นครนายกอีกครั้งหนึ่ง