ประกาศ ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่ภาคใต้ กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ฉบับที่ 8/2564 เรื่อง เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำเอ่อล้นท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำ บริเวณแม่น้ำสายบุรี และ แม่น้ำโก - ลก
ตามที่ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่ภาคใต้ กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ได้ติดตามประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำจากฝนคาดการณ์ (ONE MAP) ของ กรมอุตุนิยมวิทยา และ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) ร่วมกับคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคใต้โดยได้มีประกาศแจ้งเตือนฉบับที่ 7/2564 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2564 ให้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำในช่วงวันที่ 15 – 19 ธันวาคม 2564 นั้น
นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะเลขานุ การกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ลงนามประกาศ รับมือพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน ฝนตกหนักถึงหนักมาก ซึ่งจากการติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนล่างโดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดนราธิวาส พบว่ามีฝนตกอย่างต่อเนื่องในทุกอำเภอ ทำให้มีปริมาณน้ำสะสมไหลลงแม่น้ำมากขึ้น
ประกอบกับตามคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา 24 ชั่วโมงข้างหน้า หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณประเทศมาเลเซีย ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักมากในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในช่วงวันที่ 16 – 17 ธันวาคม 2564 มากกว่า 150 มิลลิเมตร
โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณตอนบนของ "แม่น้ำสายบุรี" และ "แม่น้ำโก-ลก" จังหวัดนราธิวาส และเป็นช่วงที่น้ำทะเลหนุนสูงต่อเนื่อง จึงขอเน้นย้ำให้เฝ้าระวังระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นเสี่ยงน้ำล้นสูงกว่าตลิ่ง ไหลเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำในจังหวัดนราธิวาสในช่วงวันที่ 18 – 19 ธันวาคม 2564 ดังนี้
1. แม่น้ำสายบุรี คาดการณ์ระดับน้ำบริเวณอำเภอสุคิรินระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 5 – 7 เมตร และบริเวณอำเภอศรีสาครระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 4 – 5 เมตร ซึ่งอาจส่งผลกระทบให้เกิดน้ำล้นตลิ่งในที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำบริเวณอำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส ประมาณ 0.20 – 0.40 เมตร
2. แม่น้ำโก - ลก คาดการณ์ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 3 – 4 เมตร ส่งผลกระทบให้เกิดน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำบริเวณอำเภอแว้ง และอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ประมาณ 0.30 - 0.50 เมตร
เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโปรดดำเนินการ ดังนี้
1. ติดตามสภาพอากาศและสภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมอยู่เป็นประจำ
2. ปรับแผนบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์น้ำ พร้อมพิจารณาความเหมาะสมในการระบายน้ำในลำน้ำ/แม่น้ำให้สอดคล้องกับการขึ้น – ลงของระดับน้ำทะเล
3. ตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงแนวคันบริเวณริมแม่น้ำ กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ และปิดท่อระบายน้ำริมแม่น้ำเพื่อป้องกันน้ำไหลย้อนเข้าท่วมพื้นที่ชุมชน รวมถึงการเตรียมความพร้อมรับน้ำหลากป้องกันน้ำท่วมให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. เตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ รวมถึงความพร้อมของระบบสื่อสารสำรอง เพื่อบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนได้ทันที
5. ประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำ และแจ้งเตือนล่วงหน้า ให้ประชาชนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ เตรียมพร้อมในการอพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์