หลังจากรอลุ้น “ของขวัญชิ้นใหญ่” ตามที่นายกฯสั่งการทุกกระทรวงไปเตรียมการ เพื่อกลับมาเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันที่ 21 ธ.ค. 2565 โดยโครงการคนละครึ่งที่ดำเนินการมาถึงเฟสที่ 3 ได้รับความนิยมสูงสุด จะสิ้นสุดในสิ้นปีนี้ และต่างคาดหวังให้รัฐบาลไฟเขียวดำเนินการต่อเนื่องในเฟส 4 รับปีใหม่ 2565 ไปเลยนั้น แต่ในที่สุดโครงการคนละครึ่งเฟส 4 จะใช้ในช่วงมีนาคม-เมษายน 2565
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและฟื้นฟูเศรษฐกิจปี 65 หรือ มาตรการของขวัญปีใหม่ ปี 65 รวม 7 มาตรการได้แก่
ฟื้น"ช็อปดีมีคืน"
มาตรการช้อปดีมีคืน โดยให้นำรายจ่ายการซื้อสินค้าและบริการ มาหักลดหย่อนภาษี ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-15 ก.พ.2565 โดยคาดว่าจะมีผู้ใช้สิทธิประมาณ 1.4 ล้านราย มีผลต่อการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภงด.) ประมาณ 6,200 ล้านบาท แต่คาดว่าจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากกว่า 42,000 ล้านบาท ส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ 0.12% และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการทั่วไป เข้าสู่ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) มากขึ้น
การใช้จ่ายที่นำมาหักลดหย่อนภาษีได้จะไม่รวมถึงค่าสินค้าและบริการบางชนิด เช่น สุรา เบียร์ และไวน์ ยาสูบ น้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ ค่าบริการจัดนำเที่ยว ค่าที่พักในโรงแรม ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย เป็นต้น
ส่วนโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.-30 เม.ย. 2565 โดยขอเวลาปรับปรุงระบบการลงทะเบียน ระบบการโอนเงิน คาดว่าจะใช้เวลาปรับปรุงระบบ 1 เดือน รวมถึงการปิดโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 ที่จะสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.นี้ก่อน เพื่อตรวจสอบว่าการใช้เงินภายใต้โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 วงเงินเท่าใด และเหลือวงเงินเท่าใด ที่จะสามารถนำมาใช้จ่ายในโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 ได้
ต่ออายุลดค่าธรรมเนียม-ภาษีอื้อ
นอกจากนี้ยังมีมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขายสุรา ยาสูบ และไพ่ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2565 - 31 ธ.ค. 2565 ให้ผู้ประกอบการรายเดิม ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และต้องการขออนุญาตขายต่อเนื่องในปีถัดไป คาดว่าจะมีผู้ได้รับสิทธิ์ประมาณ 800,000 ราย คิดเป็นใบอนุญาต 1.4 ล้านใบ โดยรัฐจะสูญเสียรายได้จากค่าธรรมเนียม 380 ล้านบาท
มาตรการขยายการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิต น้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบิน อัตราภาษีตามปริมาณ 0.20 บาทต่อลิตร ออกไปอีก 6 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่ 1 ม.ค. - 30 มิ.ย. 2565 เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยเฉพาะธุรกิจสายการบิน ให้สามารถฟื้นฟูและกลับมาดำเนินธุรกิจได้โดยเร็ว ทั้งนี้ คาดว่าการท่องเที่ยวในปี 2565 ธุรกิจสายการบินจะกลับมาดำเนินธุรกิจได้ ราว 50% ของการท่องเที่ยวเมื่อปี 2562 ซึ่งมาตรการดังกล่าว คาดว่ารัฐจะสูญเสียรายได้ 860 ล้านบาท
มาตรการขยายระยะเวลา การลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม สำหรับที่อยู่อาศัย เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระ ที่ต้องการมีอยู่อาศัยเป็นของตนเอง ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยลดค่าจดทะเบียนการโอนและจดจำนอง จากเดิม 2 % เหลือ 0.01% และค่าจดทะเบียนออกไปอีก 1 ปี ไปสิ้นสุดในวันที่ 31 ธ.ค.2565 คาดว่าจะทำให้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นสูญเสียรายได้ 4,946 ล้านบาท
มาตรการทางภาษีและค่าธรรมเนียม เพื่อสนับสนุนการปรับโครงสร้างหนี้ ที่เป็นสถาบันการเงิน โดยขยายเวลาออกไปอีก 5 ปี จากเดิมจะสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2564 เป็นสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2569 ซึ่งคาดว่ามาตรการด้านภาษี จะทำให้รัฐสูญเสียรายได้ 7,000 ล้านบาทต่อปี และมาตรการค่าธรรมเนียม รัฐสูญเสียรายได้ 835 ล้านบาท
รัฐมนตรีคลังเผยอีกว่า สำหรับโครงการของขวัญปีใหม่ ปี 2565 ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (ธกส. ธอส. และออมสิน) เพื่อเสริมสภาพคล่อง ลดภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย และเสริมสร้างวินัยทางการเงินให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการโดยการให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเสริมสภาพคล่อง และเป็นทุนหมุนเวียน การคืนเงินให้แก่ลูกหนี้เงินกู้ที่มีประวัติการชำระดี รางวัลพิเศษสำหรับลูกค้าออมสิน การยกเว้นค่าธรรมเนียมนิติกรรมสัญญา ส่วนลด ค่าบริการ และค่างวด สำหรับการค้ำประกันสินเชื่อเป็นต้น ทั้งนี้คิดเป็นวงเงินสินเชื่อรวม 25,000 ล้านบาท การคืนเงินและรางวัลพิเศษรวม 1,335 ล้านบาท การลดอัตราดอกเบี้ยรวม 4,700 ล้านบาท ส่วนลดค่าบริการและส่วนลดค่างวดสูงสุดรวม 7.43 ล้านบาท
ขณะที่กระทรวงแรงงานได้มอบของขวัญปีใหม่ให้กับคนไทย โดย 1. ลดอัตราเงินสมทบของผู้ประกันตนมาตรา 40 เหลือ 60% เป็นระยะเวลา 6 เดือน มีผู้ประกันตนมาตรา 40 ได้รับประโยชน์กว่า 10.57 ล้านคน เกิดหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจกว่า 1,408 ล้านบาท 2. เพิ่มอัตราเงินสงเคราะห์จากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างสูงสุด 100 เท่า เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ลูกจ้างที่ถูกนายจ้างเลิกจ้าง หรือค้างจ่ายเงินเดือน ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
3. ฟรีดอกเบี้ย 0% นาน 12 เดือน สำหรับการกู้ยืมเงินจากกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน เพื่อดูแลความเป็นอยู่ของแรงงานนอกระบบในกลุ่มผู้รับงานไปทำที่บ้านทั่วประเทศกว่า 6,000 คน โดยกรมการจัดหางานจะลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ หรือค่าธรรมเนียมเหลือ 0% ต่อปี ในงวดที่ 1-12 โดยไม่ปลอดเงินต้น และงวดที่ 13 เป็นต้นไป จนสิ้นสุดสัญญาคิดอัตรา 3% ต่อปี
เยียวยาคนกลางคืน 29 ธ.ค.
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผยว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบเยียวยาผู้ประกอบอาชีพอิสระ คนทำงานกลางคืน ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการรัฐ โดยสำนักงานประกันสังคมทำโครงการเยียวยาผู้ประกันตนในกิจการสถานบันเทิง และผู้ประกอบอาชีพอิสระที่เกี่ยวเนื่อง ทั้งผู้ประกันตน ม.33 ม.39 และม.40 ในอัตราคนละ 5,000 บาท 1 เดือน โดยจะเริ่มโอนเงินเข้าบัญชีผู้ประกันตนรอบแรกในวันที่ 29 ธ.ค.2565 นี้
ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมย้ำว่า ผู้ที่จะได้รับสิทธิ์เยียวยา จะต้องมีสถานะเป็นผู้ประกันตน ให้รีบสมัครภายในวันที่ 14 ม.ค. 2565 โดยได้รับการรับรองจากสมาคมดนตรีแห่งประเทศ ไทยในพระบรมราชูปถัมถ์ หรือสมาพันธ์เครือข่ายคนบันเทิง ที่จดทะเบียนกับกระทรวงมหาดไทย หรือกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ภายในวันที่ 28 ม.ค. 2565 เท่านั้น เพื่อจะได้รับการเยียวยาในรอบ 2 รอบ 3 ตามที่รับรอง
ค้าปลีกเฮ มาช้าดีกว่าไม่มา
นางสาววรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า การที่รัฐออกมาตรการช้อปดีมีคืน ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจกำลังซื้อได้ แต่เดิมคาดว่าจะเริ่มในปลายปี 2564 แต่เมื่อเริ่มต้นปี มกราคม 2565 ก็ถือว่าเป็นการแจกอั่งเปาให้กับคนไทย
“เดิมคาดว่าจะเริ่มมาตรการในวันที่ 25 ธค. เพราะจะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ ทำให้ผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย ขณะที่ห้างก็มีการจัดเตรียมแคมเปญโปรโมชั่นกระตุ้นกำลังซื้ออยู่แล้ว อาจจะเสียโอกาสในการขายที่มากขึ้น แต่ก็ต้องรอดูในปีหน้าอีกว่าจะเป็นอย่างไร หลังจากที่คนไปเที่ยวกลับมา”
นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า มาตรการช้อปดีมีคืน เป็นของขวัญปีใหม่ที่ทางภาครัฐมอบให้กับคนไทย ที่มาได้ถูกต้องและเหมาะสมกับช่วงเวลาแห่งการฉลองปีใหม่ โดยเซ็นทรัลพัฒนา ได้ออกแคมเปญ Forwarding Happiness ตลอดตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงมกราคม เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้เกิดการจับจ่าย สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐ
สำหรับในช่วงต้นปีหน้าได้เตรียมงบการตลาดสำหรับแคมเปญตรุษจีนสุดยิ่งใหญ่ ซึ่งถือ เป็นปีใหม่ของคนไทยเชื้อสายจีนด้วย ก็จะยิ่งช่วยพยุงให้ภาพรวมเศรษฐกิจให้เติบโตต่อเนื่องไปได้อย่างน้อย 3 เดือน
“มาตรการนี้จะช่วยดึงดูดและจูงใจให้คนไทยช้อปสนุกกว่าที่เคย โดยเฉพาะตอนนี้แม้ใน weekday ทราฟฟิก ก็กลับมาคึกคักมาก และน่าจะทำให้ทราฟฟิกให้ศูนย์การค้าส่วนใหญ่กลับมาเกือบ 100 % เพราะลูกค้าเริ่มออกมาหาซื้อของขวัญและทานข้าวกันในช่วงหยุดยาว”
หน้า 1 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่41 ฉบับที่ 3,742 วันที่ 23-25 ธันวาคม พ.ศ. 2564