อาจารย์วีระวัฒน์ ภัทรศักดิ์กำจร อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยว่า สาเหตุที่ทำให้ราคาเนื้อหมูแพงขึ้นเป็นเพราะเกิดโรคระบาดในหมูจนทำให้หมูล้มตายเป็นจำนวนมาก ซึ่งเหตุการณ์นี้ใกล้เคียงกับโรคลัมปี สกินในวัว ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา
ในขณะนั้นมีความพยายามที่จะนำยาเข้ามา แต่ก็ถูกรัฐปรามว่ายาดังกล่าวต้องผ่านการรับรอง ซึ่งรัฐจะเป็นผู้จัดหาให้ สุดท้ายก็ทอดเวลายาวนานออกไปจนกระทั่งบริษัทยาเอกชนได้รับการอนุมัติให้นำยาเข้ามาขาย โรค LSD จึงสิ้นสุด ซึ่งในปัจจุบันสถานการณ์ในหมูก็คล้ายคลึงกัน
ทั้งนี้การเกิดโรคระบาดในหมูจึงสะท้อนถึงประสิทธิภาพและการวางมาตรการรองรับที่อาจไม่ดีพอของกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหน่วยงานหลักในการควบคุมดูแลในเรื่องนี้ ฉะนั้นความตระหนักถึงปัญหาและการเตรียมความพร้อมจึงเป็นสิ่งสำคัญ
“เราคงไม่ทราบว่าเหตุการณ์นี้มีเบื้องลึกเบื้องหลังหรือมีอะไรที่ซ่อนเร้นอยู่หรือไม่ เราคงไม่สามารถไปกล่าวโทษใครได้ แต่สิ่งที่สะท้อนคือประสิทธิภาพในการป้องกันและการมีมาตรการรองรับเมื่อเกิดเหตุ ที่ต้องมีมากกว่านี้
เราทราบข่าวเรื่องโรคระบาดภายหลังที่ผลกระทบเกิดขึ้นเป็นห่วงโซ่ไปแล้ว เราพบว่ามีผู้เลี้ยงสุกรจำนวนหนึ่งที่หยุดประกอบการไปแล้ว เนื่องจากต้นทุนสูงขึ้นจนแบกรับไม่ไหวทั้ง จากอาหารสัตว์ที่ราคาแพงและการเกิดโรคระบาด ขณะที่ผู้บริโภคปลายทางก็เผชิญกับราคาเนื้อหมูที่แพงขึ้นแล้ว”
ฉะนั้นมาตรการของรัฐบาล อาทิ สั่งห้ามส่งออกเนื้อหมู หรือการตั้งจุดจำหน่ายเนื้อหมูราคาถูก อาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ในขณะนี้ แต่หากต้องการทำให้ดีกว่า รัฐจำเป็นต้องอุดหนุนราคาด้วย ซึ่งก็ต้องพิจารณาให้รอบคอบว่าจะอุดหนุนไปที่ไหน ระหว่างเกษตรกรผู้เลี้ยงหมู พ่อค้าคนกลาง เขียงหมู หรือทั้งหมด
อาจารย์วีระวัฒน์ กล่าวว่า ณ จุดนี้ คงเป็นเรื่องยากที่จะกลับไปแก้ที่โครงสร้างหรือกลับไปที่การป้องกันตั้งแต่แรก ที่สำคัญคือเราไม่สามารถไปกล่าวหาใครได้ว่าเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากมาตรการห้ามส่งออก หรือการปล่อยให้เกิดโรคระบาดในหมูหรือไม่
อย่างไรก็ตามหมูเป็นสัตว์ที่ใช้เวลาเลี้ยงไม่นานก็สามารถจำหน่ายได้ คาดการณ์กันว่าประมาณ 6 เดือน สถานการณ์จะคลี่คลายลง ฉะนั้นประเด็นจึงอยู่ที่ว่า หลังจากนี้กรมปศุสัตว์จะเตรียมความพร้อมในการรับมือกับโรคระบาดที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคตอย่างไร เพราะเป็นหน้าที่โดยตรงของกรมปศุสัตว์ที่จะทำงานเชิงรุกเพื่อติดตามสถานการณ์ คาดการณ์ และเฝ้าระวังเหตุการณ์อย่างสม่ำเสมอ
“เมื่อปีที่ผ่านมาผู้บริหารของกรมปศุสัตว์ได้ให้สัมภาษณ์ว่าประเทศไทยไม่มีโรคอหิวาต์ในหมูอย่างแน่นอน แต่ผลการตรวจสอบของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กลับพบโรคระบาดในปี 2564 ซึ่งก็คือปีที่แล้ว คำถามคือมีการปิดข่าวหรือไม่ เนื่องจากการส่งออกเนื้อสัตว์หรือการส่งออกอาหาร เป็นอุตสาหกรรมใหญ่ที่มีความสำคัญของประเทศ หากเกิดโรคระบาดในประเทศย่อมกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภค”
ในฐานะผู้บริโภคที่เป็นประชาชนทั่วไป ควรได้รับคำอธิบายถึงสาเหตุที่ราคาเนื้อหมูแพงขึ้นอย่างทันทีทันใด และที่สำคัญคือหากสาเหตุเกิดจากโรคระบาดตามที่สื่อมวลชนรายงาน ความรับผิดชอบโดยตรงก็จะต้องตกอยู่ที่กรมปศุสัตว์อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง