ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รอบใหม่ ใครมีสิทธิ-คลังใช้ “เอไอ”ตรวจเข้ม

12 ม.ค. 2565 | 03:00 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ม.ค. 2565 | 09:51 น.

อัพเดทความคืบหน้า ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรคนจน รอบใหม่ ใครมีสิทธิได้บ้าง เงื่อนไขอย่างไร หลังกระทรวงการคลังใช้ “เอไอ”ตรวจเข้ม

เกาะติด บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน รอบใหม่  คาดว่าการเปิดลงทะเบียนรอบใหม่ จะมีผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพิ่มขึ้นประมาณ 15 ล้านคน เนื่องจากช่วงวิกฤติโควิด-19 มีประชาชนได้รับผลกระทบด้านรายได้ และตกงานเพิ่มขึ้น จึงคาดว่าจะมีจำนวนผู้เข้าเกณฑ์รับความช่วยเหลือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเติมจากจำนวนเดิม

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.กระทรวงการคลัง ระบุว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังจัดทำหลักเกณฑ์การเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ ไปยังฝ่ายคณะทำงานคณะรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

เนื่องจากการเปิดลงทะเบียนในรอบนี้จะมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น ทั้งการใช้บัตรประชาชนแทนบัตรสวัสดิการฯ การนำระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในการพิสูจน์และยืนยันตัวตน และระบบการลิงก์ข้อมูลกับธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานประกันสังคม กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดจะต้องมีการเชื่อมโยงกันแบบเรียลไทม์

ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กรมบัญชีกลาง ยังไม่ได้สรุปลงทะเบียนรอบใหม่ กรมบัญชีกลาง ได้สรุปเงื่อนไขเบื้องต้นเอาไว้ดังนี้  

  • สัญชาติไทย อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์
  • รายได้ทั้งครอบครัว รวมแล้วไม่เกิน 200,000 บาท
  • ไม่มีหรือมีทรัพย์สินทางการเงิน เช่น เงินฝากธนาคาร สลากออมทรัพย์ พันธบัตร ตราสารหนี้ รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 100,000 บาท
  • ใช้บัตรประชาชนแทนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้
  • ลงทะเบียนที่จุดรับลงทะเบียนได้แม้ไม่มีโทรศัพท์มือถือ
  • ผู้ถือบัตรสวัสดิการเก่า ต้องลงทะเบียนใหม่
  • หากถือครองกรรมสิทธิ์บ้านพร้อมที่ดินอยู่ จะต้องเป็นบ้านหรือทาวน์เฮาส์ พื้นที่ไม่เกิน 25 ตารางวา ส่วนห้องชุดต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 35 ตารางเมตร ส่วนกรณีเป็นที่อยู่อาศัย และใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตรด้วยมีพื้นที่ได้ไม่เกิน 10 ไร่ หรือในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ ไม่ใช่เพื่อการเกษตร มีพื้นที่ไม่เกิน 1 ไร่

 

ทั้งนี้ กรมบัญชีกลาง ได้โอนเงินให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐบัตรคนจนจำนวน 13.5 ล้านรายไปเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2565 ดังนี้

วันที่ 1 ม.ค. (ไม่สามารถกดเป็นเงินสดได้ และไม่สะสมในเดือนถัดไป)

  • วงเงินซื้อสินค้า กลุ่มที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท ได้รับ 300 บาท/เดือน
  • กลุ่มที่มีรายได้เกิน 30,000 บาท ได้รับ 200 บาท/เดือน
  • ส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม 45 บาทต่อ 3 เดือน

ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ประกอบด้วย

  • ค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาทต่อเดือน
  • ค่าโดยสารรถไฟ 500 บาทต่อเดือน
  • ค่าโดยสารรถไฟฟ้า ขสมก./ MRT/ BTS และ ARL 500 บาทต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่อาศัยอยู่ในเขต กทม. และปริมณฑล)

 

วันที่ 18 ม.ค. (สามารถกดเป็นเงินสดได้ และสะสมในเดือนถัดไปได้)

  • เงินคืนค่าไฟฟ้าไม่เกิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน(สำหรับผู้ถือบัตรฯ ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 315 บาทต่อเดือน)
  • เงินคืนค่าน้ำประปา 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน(สำหรับผู้ถือบัตรฯ ที่ใช้น้ำประปาไม่เกิน 315 บาทต่อเดือน จะได้รับเงินคืนค่าน้ำประปาไม่เกิน 100 บาท ส่วนที่เกินจาก 100 บาท ผู้ถือบัตรฯ เป็นผู้ชำระเอง)