นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังตรวจติดตามราคาสินค้า ที่โลตัส รัตนาธิเบศร์ ว่ากระทรวงได้เข้าไปกำกับดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภค อย่างเต็มที่ แม้จะเป็นส่วนปลายทางของภาคการผลิตก็ตาม สำหรับราคาหมูสูงขึ้นนั้น เป็นเพราะปริมาณหมูในระบบขาดหายไป ซึ่งทางการแก้ปัญหา คือทำอย่างไรให้มีปริมาณหมูในระบบเพิ่มขึ้น เพื่อกดราคาปรับลดลงในระดับที่ผู้บริโภคสามารถรับได้ ซึ่งต้องใช้ยาหลายขนาน โดยที่กระทรวงได้ดำเนินการไปแล้ว
เช่น 1.เพิ่มปริมาณหมูในตลาด โดยห้ามส่งออกหมู จะช่วยเพิ่มปริมาณหมูได้ปีละประมาณ 1,000,000 ตัวโดยประมาณ 2.เร่งส่งเสริมการเลี้ยงหมูป้อนเข้าระบบ เป็นหน้าที่โดยตรงของกรมปศุสัตว์ ได้รับแจ้งจากกรมปศุสัตว์ว่า กำลังเร่งผลิตลูกหมูป้อนเข้าระบบสัปดาห์ละ 300,000 ตัวโดยประมาณ 3.เร่งส่งเสริมการเลี้ยงหมู โดยรัฐบาลจัดให้มีโครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำผ่าน ธ.ก.ส.ให้ผู้เลี้ยงหมูรายย่อยสามารถกู้เงิน 4.ส่งเสริมการเลี้ยงหมูรายใหม่โดยเฉพาะรายย่อย มุ่งเน้นฟาร์มระบบมาตรฐานเพื่อป้องกันการติดโรค หากพบว่ามีการติดเชื้อปศุสัตว์จะต้องเร่งรัดดำเนินการแก้ปัญหา แต่ต้องเร่งจ่ายเงินชดเชย ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องช่วยดำเนินการเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน
“ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์นอกจากห้ามการส่งออก ได้มีการเช็คสต๊อกหมูทั้งระบบ และเพิ่มจุดขายหมูเนื้อแดงราคาถูกกิโลกรัมละไม่เกิน 150 บาท 667 จุดทั่วทั้งประเทศ เพื่อชี้นำและแทรกแซงราคาในช่วงจำเป็นเพื่อแก้ปัญหาให้ผู้บริโภคส่วนหนึ่งและมีหลายฝ่ายออกมาช่วยรณรงค์ให้บริโภคโปรตีนทางเลือกอื่น เช่น ไก่-ไข่ กระทรวงพาณิชย์ต้องไปช่วยดู เพื่อไม่ให้หนีจากหมูราคาสูงมาเจอไก่ราคาแพง ถ้ามีการฝ่าฝืนจะเร่งดำเนินการตามกฏหมายโดยเฉพาะการค้ากำไรเกินควร ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นกลไกหลักนำทีมแก้ปัญหาเรื่องนี้ในแต่ละจังหวัด”
ส่วนราคาไข่ไก่ที่เดิมสมาคมไข่ไก่ได้มีการปรับราคาขึ้น20สตางค์ต่อฟองนั้น ล่าสุดกรมการค้าภายในได้ มีมติร่วมกันทั้งสมาคมผู้เลี้ยงไข่ทั่วทั้งประเทศ คนกลาง ห้างสรรพสินค้าต่างๆ รวมผู้ส่งออกตกลงกันตรึงราคาหน้าฟาร์มฟองละไม่เกิน 2.90 บาท จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ซึ่งจะมีผลให้การขายปลีกราคาปรับลดลงอยู่ที่ 3 บาทกว่าต่อฟอง ขึ้นอยู่กับขนาด และต้นทุนอื่นเช่น ค่าแผงบรรจุ เป็นต้น
เช่นเดียวกับราคาไก่เนื้อ มีการเจรจาเบื้องต้นและมีข้อสรุปแล้วว่า แม้ยังมีบางฝ่ายที่ยังติดขัดแต่ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในเรียกประชุมอีกครั้ง วันจันทร์ที่จะถึงนี้ (17 ม.ค.65) มาตรการที่กระทรวงพาณิชย์เตรียมการไว้ คือ 1. ด้านปริมาณได้ รับการยืนยันจากเกษตรกรและผู้ผลิตรายต่างๆว่าจนถึงขณะนี้ไก่มีปริมาณอย่างเพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภค ชิ้นส่วนสำคัญ 3 ตัว
คือ 1)ไก่สดทั้งตัว 2)น่องติดสะโพก และ 3)เนื้อหน้าอก ที่จะเป็นราคานำไปสู่ชิ้นส่วนอื่นๆ ให้กำหนดข้อตกลงร่วมกันว่าจะ ตรึงราคาแต่ละชิ้นส่วนที่ราคาเท่าไหร่ และ 2.แทรกแซงราคาชี้นำตลาดในราคาพิเศษ เพื่อป้องกันการดึงราคาสูงจนเกินไปเพื่อเป็นทางเลือก โดยจะจัดจุดจำหน่ายไก่ราคาถูก 3,050 จุดโดยต้องของบกลาง มาช่วยบริหารจัดการ และดูแลให้สามารถจำหน่ายได้ในราคาที่เหมาะสม
จุดจำหน่ายไก่ราคาถูกที่เตรียมการไว้จะมีในส่วนของห้างสรรพสินค้า ปั๊มน้ำมันโดยเฉพาะปั๊มพีทีทั่วประเทศ 1,500 ปั๊ม ร้านสะดวกซื้อ ห้างท้องถิ่น รวมทั้งตลาดสด รถโมบายและลานสาธารณะชุมชนรวมทั่วประเทศ 3,050 จุด สำหรับสินค้าอื่นที่จำเป็นต่อการบริโภค เช่น เป็นอาหารกึ่งสำเร็จรูป
“ยังยืนยันว่ายังไม่มีการอนุญาตให้สินค้ารายการใดขึ้นราคา ใครฉวยโอกาสขึ้นราคาต้องดำเนินคดีต่อไปตามมาตรา 29 จำคุกไม่เกิน 7 ปีปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ให้ดำเนินการโดยเคร่งครัด และจะให้รัฐบาลเร่งโครงการคนละครึ่งมาดำเนินการเร็วขึ้น ส่วนการขอ งบกลางที่จะขอในวันอังคารหน้า(18 ม.ค.65) ประมาณ 1,400 ล้านบาท เพื่อมาจัดทำโครงการพาณิชย์ลดราคา! ลดค่าของชีพประชาชนเพิ่มทางเลือก เพื่อสร้างความสมดุลด้านราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ ในตลาดและการบริโภคภาคครัวเรือนในสถานการณ์นี้ ซึ่งจะเป็นโครงการระยะ 90 วัน หรือ 3 เดือน”