ประธานบอร์ด กยท. คนใหม่ วิ่งสู้ฟัด ลุยดันราคายางเสถียร

สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ “โควิด-19” นอกจากส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ชีวิต และความเป็นอยู่ของคนไทยและทั่วโลกแล้ว อุตสาหกรรมยางพาราถือเป็นอีกอุตสาหกรรมหนึ่งที่มีความเสี่ยงหากโควิดกลับมาระบาดรอบใหม่ และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การค้าโลกชะลอตัวอีกครั้ง

ประเทศผู้นำเข้าหลัก เช่น จีน มาเลเซีย สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อาจชะลอการนำเข้าได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบกับเกษตรกรชาวสวนยางได้รับความเดือดร้อนในการดำรงชีวิต จากราคายางที่อาจตกต่ำตามมา  ทั้งนี้ผู้ที่จะเข้ามากำกับดูแลยางพาราของประเทศถือมีความสำคัญต่ออนาคตยางพาราไทยอย่างยิ่ง

ล่าสุดเมื่อวันที่ 30  พ.ย. 2564 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ให้ความเห็นชอบแต่งตั้ง นายกุลเดช พัวพัฒนกุล  เป็นประธานกรรมการ (บอร์ด) การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) คนใหม่ตามข้อเสนอของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ “ฐานเศรษฐกิจ” สัมภาษณ์พิเศษนายกุลเดช ถึงวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนบริหารยางพาราทั้งระบบ ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยง และความท้าทายรออยู่ข้างหน้า ดังรายละเอียด

• “เฉลิมชัย”ไว้ใจให้ทำงาน

นายกุลเดช กล่าวว่า ได้เข้ามาทำหน้าที่ในตำแหน่งนี้แทนนายประพันธ์ บุณยเกียรติ ประธานบอร์ดคนเก่าที่หมดวาระไป ตามข้อเสนอของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ดร.เฉลิมชัย  ศรีอ่อน) ทำให้ตนมีเวลาเหลือในบอร์ดอีก 1 ปี เนื่องจากบอร์ด กยท. จะดำรงตำแหน่งวาระ 3 ปี โดยประธานคนเก่าดำรงตำแหน่งอยู่ 2 ปี พอดีท่านเกษียณด้วยอายุ ซึ่งการเกษียณมีอยู่ 2 แบบ

คือ 1. เกษียณด้วยอายุ 65 ปี กับออกไปตามวาระ คือ อยู่ครบ 3 ปีก็ออก บังเอิญท่านประพันธ์เกษียณด้วยอายุ 65 ปี เมื่อเดือนตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา จึงทำให้ระยะเวลาที่เหลืออีก 1 ปี ว่างลง ท่านรัฐมนตรีเลยให้ตนมาช่วยดูแลงานของ กยท.

“ต้องยอมรับว่ายางพารามีปัญหาเยอะ โดยเฉพาะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจากสถานการณ์โควิดทำให้ทุกอย่างมีปัจจัยลบไม่ว่าจะเป็นเรื่องการส่งออก รวมทั้งการทำงานของพี่น้องชาวสวนยางลำบากมากขึ้น สำหรับปีนี้ที่ตัดใจเข้ามาแม้ว่าจะเหลือวาระแค่ 1 ปี เพราะมีแนวคิดจะมาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยาง และพยายามที่จะทำทุกวิถีทางที่จะให้ระดับราคายางมีเสถียรภาพไม่สวิงขึ้นลงเร็ว ผมทำในลักษณะขอความร่วมมือ ช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาก็ออกตระเวนตรวจโรงงาน ตรวจศูนย์วิจัยเพื่อหาลู่ทางในการหารายได้ให้กับ กยท.เพิ่มมากขึ้น”

อีกประเด็นหนึ่ง ก็คือ พยายามสร้างความเข้าใจกับพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยาง กยท. ว่า เป็นหน่วยงานที่คอยช่วยเหลือพี่น้องชาวสวนยาง หากมีปัญหาอะไรให้แจ้งเข้ามาเราพร้อมที่จะสนับสนุนทุกเรื่อง  ทั้งเรื่องความรู้ทางวิชาการ เรื่องงบประมาณ และอื่นๆ ที่คงจะต้องทำไปแก้ปัญหาไป เพราะจะมีปัญหาใหม่ๆ มาเรื่อยๆ เช่น ทางภาคใต้ก็จะมีปัญหาเรื่องโรคระบาด โรคใบร่วง ซึ่งยังหาจุดต้นตอไม่เจอยังลองผิดลองถูกเพราะปริมาณที่เป็นเยอะมาก

• โรคใบร่วงระบาด 6 แสนไร่
•  

ปัจจุบันเท่าที่รับรายงานมา เกิดโรคใบร่วงระบาดในพื้นที่ภาคใต้ราว 6 แสนไร่ ปัญหาที่ตามมาคือ โรคนี้จะถูกลมพายุพัดไปเกิดโรคในแหล่งใหม่ ปัจจุบันไปเกิดที่จันทบุรี และตราด และเริ่มระบาดเข้าสู่ภาคตะวันออก ตอนนี้ก็พยายามที่จะหาวิธีแก้ปัญหา ปัจจุบันได้มีการใช้โดรนบินพ่นสารเคมียังต้องใช้เชิงวิชาการเข้ามาช่วยเป็นภาระหนักที่จะต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน

ส่วนเรื่องราคายางในตอนนี้ไม่ค่อยน่าเป็นห่วงเท่าไร ยังอยู่ในระดับที่พี่น้องเกษตรกรพึงพอใจ เพียงแต่ได้รับทราบจากพี่น้องเกษตรกรว่าราคายางไม่จำเป็นต้องสูงมากแต่ขอให้เสถียร คือไม่สวิงขึ้นลงเร็ว

• ลั่นพร้อมช่วยพยุงราคา

“ผมได้พบกับผู้ประกอบการยางพารา เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบยางพาราส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็น 5 เสือที่ทุกคนพูดถึงหรืออะไรก็ตามก็ได้คุยถึงปัญหาก็ขอความร่วมมือ ซึ่งทางผู้ประกอบการก็ตอบรับมาด้วยดีว่าเราจะช่วยกันพยุง ผมก็เรียนผู้ประกอบการว่าแนวคิดผมก็คือ ผู้ประกอบการต้องวิน มีกำไร เกษตรกรพี่น้องเกษตรกรก็วินด้วย นั่นคือ ได้ระดับราคาที่อยู่ได้ การยางแห่งประเทศ ไทยก็วิน ถ้า 3 วิน แล้วได้รับคำยืนยันจากผู้ประกอบการว่าจะช่วยกันพยุงราคาทุกวิถีทางถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดีที่ได้พบกับผู้ประกอบการ”

อย่างไรก็ดี อยากฝากถึงเกษตรกรชาวสวนยางพารา ในปี 2565 ที่ยังไม่ทราบอะไรจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์โควิดที่ผ่านมาทำท่าเหมือนจะเบา แต่กลับมีโควิดสายพันธุ์โอมิครอนออกมาอีก ดังนั้นอยากให้พี่น้องชาวสวนยางเตรียมพร้อมในการรับมือ ซึ่งตนและพนักงาน กยท.ทุกคน พร้อมที่จะให้ความร่วมมือและให้การสนับสนุนพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางอย่างเต็มความสามารถ” 

ฐานเศรษฐกิจ หน้า 9 ฉบับที่ 3,748 วันที่ 13-15 มกราคม 2565