รายงานข่าวจาก บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU เผยว่า บริษัทได้มีบริจาคอาหารอาหารคนและอาหารสัตว์เลี้ยงจำนวนเกือบ 4 ล้านชิ้นทั่วโลก รวมทั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับป้องกันโควิด-19 ตลอดจนสนับสนุนด้านการเงินต่าง ๆ ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2563
โดยในปี 2564 ไทยยูเนี่ยน ได้บริจาคอาหารเกือบ 1 ล้าน และอุปกรณ์ทางแพทย์และอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับป้องกันโควิด-19 ภายใต้โครงการไทยยูเนี่ยนแคร์ที่ดำเนินการทั่วโลก ซึ่งเป็นหนึ่งการดำเนินงานตามพันธกิจของบริษัทที่มุ่งส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดี รวมถึงการดูแลผู้คนและชุมชนสัตว์เลี้ยงในพื้นที่ที่บริษัทดำเนินธุรกิจอยู่
การบริจาคในปีที่ผ่านมา ประกอบด้วยอาหารทะเลกว่า 5 แสนชุด ของชิคเก้น ออฟ เดอะ ซี ในสหรัฐอเมริกา เพื่อให้ความช่วยเหลือนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ขาดแคลนทุนทรัพย์สำหรับค่าอาหาร
สำหรับในประเทศไทย บริษัทได้บริจาคอาหารเกือบ 4 แสนชิ้น ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์อาหารของบริษัท อาหารกล่องพร้อมทาน ปลากระพงหั่นชิ้น และข้าวสาร ให้แก่องค์กร และชุมชนต่างๆ ที่ช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ รวมถึงการมอบผลิตภัณฑ์อาหารแมวเบลล็อตต้าและอาหารสุนัขมาร์โว่กว่า 80,000 กระป๋อง และอาหารแมวและสุนัขชนิดเม็ดกว่า 6,000 กิโลกรัม ให้แก่องค์กรช่วยเหลือสัตว์ และศูนย์พักพิงสัตว์เลี้ยงอีกด้วย
นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การช่วยเหลือผู้คนและสัตว์เลี้ยงในชุมชนที่บริษัทมีการดำเนินธุรกิจอยู่นั้น เป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง โดยโรคโควิด-19 เป็นความท้าทายใหม่ที่ได้สร้างความยากลำบากต่อผู้คนทั้งโลกในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และยังไม่มีสัญญาณของการผ่อนคลายของสถานการณ์ในขณะนี้ เนื่องจากยังคงมีการแพร่ระบาดและมีการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส ซึ่งทางบริษัทจะยังคงให้การช่วยเหลือ และร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ตราบเท่าที่มีความต้องการความช่วยเหลือต่อไป
นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังคงให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างต่อเนื่อง มีการมอบเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับป้องกันโควิด-19 แก่โรงพยาบาล หน่วยงานราชการส่วนท้องถิ่น ศูนย์เตรียมความพร้อมก่อนวัยเรียนทั้ง 5 แห่งของไทยยูเนี่ยนที่จัดตั้งขึ้นเพื่อดูแลบุตรของแรงงานข้ามชาติ และโรงเรียนภายใต้โครงการ ConnextED อีก 40 โรงเรียนที่ไทยยูเนี่ยนสนับสนุน รวมถึงบริจาคเงินช่วยเหลือแก่โรงพยาบาลทั้งในจังหวัดสมุทรสาครและกรุงเทพฯ ในปีที่ผ่านมา