นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในการตรวจสอบห้องเย็น กรณีที่อาจมีการกักตุนสินค้าประเภทเนื้อสุกรเพื่อผลประโยชน์ทางการค้านั้น สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษพญาไท ด่านกักกันสัตว์สระบุรี ด่านกักกันสัตว์พระนครศรีอยุธยา ด่านกักกันสัตว์สุพรรณบุรี สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราบการกระทำความผิดเกี่ยวการคุ้มครองผู้บริโภค (คปภ.) เข้าตรวจสอบการกักตุนซากสุกร ในห้องเย็น จำนวน 2 แห่ง ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม
จากการเข้าตรวจสอบบริษัท A เป็นโรงงานตัดแต่งเนื้อสัตว์ และมีห้องเย็นของตนเอง พบมีการจัดเก็บ ซากสุกร จำนวน 288,828.6 กิโลกรัม พนักงานเจ้าหน้าที่จึงขอตรวจสอบเอกสารเคลื่อนย้าย พบมีซากสุกร บางส่วน จำนวน 56,898 กิโลกรัม ได้นำไปฝากจัดเก็บห้องเย็นภายนอกแห่งหนึ่ง ไม่มีเอกสารเคลื่อยย้ายซากสัตว์ และทางบริษัทยังไม่ได้แจ้งจำนวนกักตุนต่อกรมการค้าภายใน พนักงานเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการอายัดซากสุกร จำนวน 56,898 กิโลกรัม ไว้ที่ห้องเย็นดังกล่าว
ต่อมาพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ขยายผล เข้าตรวจสอบบริษัท B มีลักษณะเป็นโรงงานตัดแต่งเนื้อสัตว์และรับฝากเนื้อ(ห้องเย็น)พบมีซากสุกรจัดเก็บ จำนวน 56,388.66 กิโลกรัม และยังไม่ได้แจ้งต่อกรมการค้าภายใน พนักงานจึงขอตรวจสอบเอกสารการเคลื่อนย้าย พบว่าซากสุกร จำนวน 10,088 กิโลกรัม ไม่มีเอกสารเคลื่อนย้ายซากสัตว์
พนักงานเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการอายัดซากสุกร จำนวน 10,088 กิโลกรัม ทางบริษัทยังไม่ได้แจ้งการกักตุนสินค้าให้กรมการค้าภายในทราบ รวมซากสุกรที่อายัดไว้ทั้งสองแห่ง จำนวน 66,984.34 กิโลกรัมทั้งนี้ เนื้อสุกรที่อายัดไว้หากไม่สามารถนำเอกสารมาแสดงได้จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ 2558 มาตรา 22 โทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ