นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่ากระทรวงพลังงานเตรียมหารือสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ฯ เพื่อจัดหาแหล่งเงินเข้ามาเสริมสภาพคล่องในการดูแลโครงสร้างพลังงานทั้งระบบ
โดยเฉพาะในส่วนของก๊าซหุงต้ม (LPG) ภาคครัวเรือนที่กระทรวงพลังงานมีแนวทางปรับขึ้นแบบขั้นบันไดขึ้นไปอยู่ที่ 333 บาท/ถัง 15 กิโลกรัม และ 363 บาท/ถัง 15 กก. จากปัจจุบันอยู่ที่ 318 บาท/ถัง 15 กก. ที่จะสิ้นสุดลงวันที่ 31 มีนาคม 2565
ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานจะยังคงมีมาตรการดูแลผู้มีรายได้น้อยในช่วงที่ราคาก๊าซหุงต้มทยอยขึ้นแบบขั้นบันได โดยกระทรวงการคลังยังคงอุดหนุนราคาก๊าซหุงต้มสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิรการของรัฐ 13.5 ล้านคน เป็นเงิน 45 บาท/3 เดือนตามเดิม
และเพิ่มเติมในส่วนของกระทรวงพลังงานมีแนวทางอุดหนุนอีก 55 บาท/3 เดือน รวมเป็นรัฐอุดหนุน 100 บาท/3 เดือน แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่ากระทรวงพลังงานจะหาเงินจากแหล่งใดเพื่อใช้ในการอุดหนุนส่วนนี้ คาดว่าจะมีความชัดเจนช่วงกลาง-ปลายเดือนก.พ.นี้
“กระทรวงการคลังเตรียมเงินช่วยเหลือแอลพีจีผ่านบัตรสวัสดิการไว้แค่เพียง 45 บาท/3 เดือน ดังนั้นหากกระทรวงพลังงานจะให้ความช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเพิ่มเติมต้องหาแหล่งเงินอื่นมาช่วย น่าจะมาจากแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงิน และเงินงบประมาณ จะใช้ดูแลทั้งราคาแอลพีจีและน้ำมันด้วย เพิ่มเติมจากที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติวงเงินให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงกู้ 20,000 ล้านบาท ภายใต้กรอบวงเงินที่ครม.ให้ไว้ 30,000 ล้านบาท ที่คาดว่าแค่ใช้ดูแลราคาน้ำมันก็หมดแล้ว”
ล่าสุด บมจ. ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก หรือโออาร์ (OR) และ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP)ปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์ทุกชนิด รวมถึง E20 และ E85 0.50 สตางค์ต่อลิตร
ขณะที่ดีเซลทุกชนิดราคาคงเดิม
มีผลตั้งแต่เวลา 05.00 น. ของวันพรุ่งนี้ (8 ก.พ.) เป็นต้นไป
ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่ยังไม่รวมภาษีบำรุงท้องถิ่นวันพรุ่งนี้ เป็นดังนี้