แตะจ่ายค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT ด้วยบัตรเครดิตความคล่องตัวของ การเดินทาง

16 ก.พ. 2565 | 05:10 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ก.พ. 2565 | 12:25 น.

การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม. )ร่่วมกับ มาสเตอร์การ์ด-BEM นำร่องระบบแตะจ่ายค่าโดยสาร รถไฟฟ้าMRT ด้วยบัตรเครดิต ไร้สัมผัส ชเข้ากับสถานการณ์โควิด-19ระบาดเสริมการเดินทางของคนกรุงเทพฯให้คล่องตัว

 

กว่าทศวรรษที่มาสเตอร์การ์ดได้พัฒนาโซลูชั่นสำหรับการเดินทางในเมือง เพื่อช่วยผู้ประกอบการขนส่งรับมือกับความท้าทายที่ต้อง เผชิญและเพิ่มประสิทธิภาพของการเดินทาง ด้วยการเคลื่อนไหวล่าสุดนี้ทำให้กรุงเทพมหานคร(กทม.) เป็นหนึ่งใน 390 เมืองทั่วโลกที่มาสเตอร์การ์ดได้ช่วยดำเนินการติดตั้งระบบโดยสารแบบไร้สัมผัส รวมถึงสิงคโปร์ ลอนดอน นิวยอร์กและมิลาน

 

 

ล่าสุด  ผู้ถือบัตรมาสเตอร์การ์ดสามารถชำระเงินค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT ระหว่างการเดินทางได้อย่างราบรื่นไม่สะดุด เพียงแตะบัตรเครดิตหรือบัตรพรีเพดมาสเตอร์การ์ดเพื่อชำระเงินแบบไร้สัมผัสที่ประตูสถานี ไม่ต้องใช้เงินสด ซื้อตั๋วหรือเติมเงินบนบัตร MRT ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ บัตรคอนแทคเลสของมาสเตอร์การ์ดใช้เทคโนโลยี EMV ที่มีความปลอดภัยและเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง ซึ่งปัจจุบันใช้งานกับการขนส่งหลากหลายรูปแบบ ทั้งรถโดยสารสาธารณะและด่านเก็บค่าผ่านทางด่วนทั่วกทม.

ทั้งนี้ก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 รถไฟฟ้า MRT ทั้งสองสายมีจำนวนผู้โบดยสารที่เดินทางโดยเฉลี่ยประมาณ 239,000 คน ต่อวัน และคาดการณ์ว่ากรุงเทพฯ จะมีจำนวนประชากรมากกว่า 12 ล้านคน ภายในปี 2573 ซึ่งการที่ผู้คนสามารถเดินทางด้วยเครือข่ายขนส่งสาธารณะที่มีความยุ่งยากน้อยที่สุดจะเป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดความแออัดในมหานครที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

ในประเทศไทยมาสเตอร์การ์ดร่วมกับกระทรวงคมนาคม การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (MRTA) และบมจ. ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางเทคนิคให้บัตรในรูปแบบไร้สัมผัสสามารถใช้ชำระค่าโดยสารในเครือข่ายของรถไฟฟ้า MRT

 

โดยได้ มาสเตอร์การ์ดนำการชำระเงินแบบไร้สัมผัสมาใช้ในระบบการขนส่งสาธารณะในประเทศไทย ซึ่งเป็นความมุ่งมั่นของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่องที่จะสนับสนุนการเข้าสู่สังคมดิจิทัลซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย 4.0 ของรัฐบาล

 

การชำระเงินแบบไร้สัมผัสเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางทั่วโลกและในเอเชีย เฉพาะในไตรมาสแรกของปีพ.ศ.2564 มาสเตอร์การ์ดมีธุรกรรมการใช้จ่ายแบบไร้การสัมผัสเพิ่มขึ้น 1 พันล้านรายการเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกในปี2563 โดยเฉพาะในประเทศไทยที่พบการเติบโตมากถึง 4 เท่า

 

เมื่อเปรียบเทียบปีต่อปี จากผลสำรวจของมาสเตอร์การ์ดพบว่าผู้บริโภคชาวไทยพร้อมเปิดรับเทคโนโลยีการใช้จ่ายรูปแบบใหม่ๆ โดย 93% ของคนไทยที่ตอบแบบสอบถามตอบว่าพวกเขาสามารถเข้าถึงการชำระเงินรูปแบบใหม่ๆ ในปีพ.ศ. 2564 ได้มากขึ้นกว่าเมื่อปีก่อน

 

การช่วยเหลือเมืองและชุมชนต่างๆ ให้กลายเป็นสังคมดิจิทัลเป็นสิ่งสำคัญที่จะขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจและการผนวกรวมของผู้คนในสังคม นี่คือเหตุผลที่มาสเตอร์การ์ดทำงานร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชนในประเทศไทยเพื่อหาทางออกในการช่วยเร่งการเติบโตของ Smart City ให้กับประเทศไทย 

 

นางสาวไอลีน ชูว ผู้จัดการประจำประเทศไทยและเมียนมาร์ มาสเตอร์การ์ด กล่าวว่า เทคโนโลยีไร้สัมผัสมีบทบาทสำคัญในการลดข้อจำกัดของขั้นตอนการชำระเงินที่มี touch point หลากหลายแห่ง การนำรูปแบบการชำระเงินที่สะดวกมาใช้ในเมืองที่เร่งรีบจะเป็นประโยชน์ต่อผู้โดยสารที่จะได้รับความรวดเร็วและปลอดภัยระหว่างการชำระเงินค่าโดยสารมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับผู้ให้บริการขนส่ง

ในปี2563 สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) ของประเทศไทยเดินหน้าให้ 40 จังหวัดของไทยเข้าร่วมโปรแกรม Mastercard’s City Possible เครือข่ายระดับโลกที่มีกว่า 325 ชุมชน ซึ่งรวมถึงภาคธุรกิจเอกชนและนักวิชาการที่ร่วมมือกันอย่างแข็งแกร่งในการแลกเปลี่ยนความรู้และแบ่งปันความเข้าใจในการก้าวเข้าสู่สังคมดิจิทัลเพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาในโครงสร้างพื้นฐานเสริมสร้างการเป็นหนึ่งเดียวของเศรษฐกิจและการเติบโตอย่างยั่งยืน