น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบการเพิ่มทุนของบริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH จำนวนไม่เกิน 25,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกันยังให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพิ่มทุนในบริษัท ตามสัดส่วนการถือหุ้น 45% จำนวนไม่เกิน 11,250 ล้านบาท
ทั้งนี้เพื่อให้บริษัทสามารถปรับโครงสร้างเงินลงทุน เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน และรองรับการขยายการลงทุนในอนาคต ซึ่ง RATCH เป็นบริษัทในเครือของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
โดยจัดตั้งขึ้นเพื่อประกอบธุรกิจในลักษณะการถือหุ้นในบริษัทอื่นเพื่อลงทุนในบริษัทย่อย การร่วมค้า และเงินลงทุนอื่นๆ ที่ดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง โดย กฟผ. มีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 45%
สำหรับแผนการลงทุนของบริษัทในปี 2564 จะดำเนินการในโครงการโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ โครงสร้างพื้นฐานและธุรกิจเกี่ยวเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ วงเงินทั้งสิ้น 46,430 ล้านบาท
แต่เมื่อพิจารณาจากการประมาณการเบิกจ่ายเงินลงทุนและการจัดหาแหล่งที่มาของเงินลงทุนโครงการระหว่างปี 2564 -2568 แล้ว จะส่งผลให้บริษัทมีหนี้สินสะสมเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อสภาพคล่องและทำให้อัตราส่วนทางการเงินของบริษัทไม่เป็นไปตามข้อกำหนดในสัญญาตามที่ International Credit Rating Agencies กำหนด
จึงมีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนดังกล่าวสำหรับประโยชน์ที่ได้รับจากการเพิ่มทุนในครั้งนี้ จะช่วยให้บริษัท สามารถขยายการลงทุนเพิ่มเติม เพิ่มสภาพคล่องทางการเงินและคงอัตราส่วนทางการเงินเป็นไปตามข้อกำหนดได้ ส่วน กฟผ. จะได้รับเงินปันผลในช่วงระยะเวลา 9 ปี เพิ่มขึ้นจากเดิมเฉลี่ย 29.56%