เปิดแผนแก้น้ำเค็มรุกพื้นที่เกษตร 4 แม่น้ำสายหลัก

02 มี.ค. 2565 | 22:05 น.

กรมชลประทาน ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ จัดทำแผนปฏิบัติการผลักดันแก้น้ำเค็มรุกพื้นที่เกษตร ไม่ให้กระทบประชาชน-เกษตรกร 4 แม่น้ำสายหลัก

นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมชลประทาน ได้ออกมาตรการบริหารจัดการน้ำในการบรรเทาปัญหาน้ำทะเลหนุนสูงในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาอย่างรัดกุม พร้อมเฝ้าระวังน้ำเค็มรุก เพื่อลดผลกระทบกับประชาชนให้มากที่สุด

 

โดยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ อาทิ กรมอุตุนิยมวิทยา กรมทรัพยากรน้ำ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักการระบายน้ำของ กทม. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ แหล่งน้ำ และแม่น้ำสายหลักต่าง ๆ รวมถึงความเค็มที่อาจจะหนุนสูงในช่วงฤดูแล้งด้วย

 

สำหรับการเฝ้าระวังความเสี่ยงด้านคุณภาพน้ำ หรือ ค่าความเค็ม จะต้องไม่ให้สูงเกิน 0.25 กรัมต่อลิตร ซึ่งเป็นเกณฑ์เฝ้าระวังเพื่อไม่ให้กระทบด้านการอุปโภคบริโภค และไม่ให้เกิน 2.0 กรัมต่อลิตร เป็นเกณฑ์เฝ้าระวังเพื่อไม่ให้กระทบด้านการเกษตร ใน 4 แม่น้ำสายหลัก ที่ค่าความเค็มอาจสูงตามช่วงการหนุนของน้ำทะเล คือ

  • แม่น้ำแม่เจ้าพระยาบริเวณ สถานีสูบน้ำสำแล
  • แม่น้ำท่าจีน บริเวณปากคลองจินดา
  • แม่น้ำแม่กลอง บริเวณคลองดำเนินสะดวก จังหวัดสมุทรสาคร
  • แม่น้ำบางปะกง  บริเวณอำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี 

พร้อมกันนี้ กรมชลประทาน ได้จัดเตรียมมาตรการควบคุมค่าความเค็ม ทั้งวางแผนการระบายน้ำ จากเขื่อนเจ้าพระยา และเขื่อนพระรามหก ให้สอดคล้องกับระดับการขึ้นลงของน้ำทะเล โดยกำชับสำนักชลประทานที่ 10,11 และ 12 บริหารจัดการประตูระบายน้ำและอาคารเชื่อมต่อที่ดูแลโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามแผนที่วางไว้ 

 

อีกทั้งยังได้ร่วมกับสำนักระบายน้ำของกทม. กำหนดแนวทางในการระบายน้ำจากพื้นที่กทม.ลงแม่น้ำเจ้าพระยาในช่วงน้ำลง และใช้ประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ บริหารจัดการน้ำตามจังหวะการขึ้นลงของน้ำทะเลด้วย 

 

นอกจากนี้ ยังร่วมกับการประปานครหลวง ในการใช้สถานีสูบน้ำแนวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ร่วมปฏิบัติการผลักดันลิ่มน้ำเค็ม เพื่อรักษาระดับความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณสถานีสูบน้ำดิบสำแลไม่ให้เกินมาตรฐาน

“มาตรการต่างๆเหล่านี้ได้มีการดำเนินการร่วมกันมาตลอดในช่วงระยะเวลา 2 ปี ที่ผ่านมา และหากเกิดกรณีวิกฤตความเค็มสูงเกินค่าที่อาจกระทบกับเกษตรกรและประชาชน โดยจะผันน้ำจากลุ่มน้ำแม่กลองประมาณ 1,000 ล้านลบ.ม. เพื่อควบคุมความเค็มได้อีกทางหนึ่ง”

 

อย่างไรก็ตาม ในช่วงฤดูแล้งจะเกิดภาวะน้ำทะเลหนุนเป็นช่วง ๆ โดยให้โครงการชลประทานในพื้นที่เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูงและความเค็มรุกตัวบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้ทุกโครงการชลประทานทั่วประเทศ บริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งนี้ ควบคู่ไปกับการเตรียมความพร้อมรับมือฤดูฝนในอีก 2 เดือนข้างหน้าด้วย