นายทศพร ศิริสัมพันธ์ ประธานคณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้สั่งการให้เร่งจัดทำมาตรการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ใช้น้ำมันเบนซิน ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยขอให้รีบทำรายละเอียดเสนอที่ประชุมครม.โดยเร็วที่สุด
“นายกรัฐมนตรีขอให้ไปประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำมาตรการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นสูง โดยเฉพาะในกลุ่มที่ใช้น้ำมันเบนซิน เช่น ผู้ขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง โดยจะออกมาตรการมาช่วยเหลือเป็นการเฉพาะผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่ยังไม่ได้ระบุว่าจะให้จำนวนเท่าใด ซึ่งจะต้องไปคุยกับหน่วยงานให้ได้ข้อสรุปอีกครั้ง”
ทั้งนี้จากการหารือนายกรัฐมนตรี ได้แสดงความห่วงใยเกี่ยวกับสถานการณ์ราคาพลังงานที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังคงมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นจนส่งผลกระทบกับประชาชน แม้ว่าที่ผ่านมารัฐบาลจะออกมาตรการมาช่วยเหลือแล้ว แต่เป็นการดูแลเฉพาะราคาน้ำมันดีเซลเท่านั้น จึงสั่งให้เร่งจัดทำมาตรการช่วยเหลือผู้ใช้น้ำมันเบนซินเพิ่มเติมด้วย
ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรี ยังให้นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ประสานกับสถานบันการเงินทั้งสถานบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ธนาคารพาณิชย์ เพื่อช่วยหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาหนี้สินเพิ่มเติมจากมาตรการเดิมที่มีอยู่ ก่อนจัดทำเป็นมาตรการออกมาช่วยเหลือให้ชัดเจน
นอกจากนี้ยังขอให้ทุกหน่วยงานทางด้านเศรษฐกิจ หาทางเร่งรัดการการลงทุน เพื่อช่วยประคับประคองเศรษฐกิจไทย และช่วยพยุงการจ้างงานในปีนี้ด้วย โดยทางทีมที่ปรึกษา จะต้องไปดูช่องทางว่า จะเร่งรัดการลงทุนในส่วนใดได้บ้างก่อนนำมาเสนอให้นายกฯ พิจารณา โดยเฉพาะการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ด้วย
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนหน้าหน้านี้ว่า ในการหารือกับคณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีครั้งนี้ นายกฯ ได้สั่งการให้เร่งรัดมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วน ต้องการให้แบ่งเบาภาระประชาชนทุกคนเห็นผลโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ยอมรับว่า แม้รัฐบาลได้ดำเนินการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศจะฟื้นตัวขึ้นมาก แต่ยังมีประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 และสถานการณ์ความตึงเครียดในยุโรป ของรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งส่งผลให้พลังงานราคาสูงขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีห่วงใย และให้ความสำคัญกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบนี้
สำหรับข้อสั่งการนายกฯ ดังกล่าว มีสาระสำคัญครอบคลุม 3 เรื่อง ดังนี้
1.หาแนวทางลดภาระค่าใช้จ่าย ดูแลประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ร่วมพิจารณามาตรการที่เหมาะสม แบ่งเบาภาระของประชาชน อาทิ การช่วยเหลือเพื่อบรรเทาราคาน้ำมัน ราคาก๊าซหุงต้ม และค่าไฟฟ้า
2.การบรรเทาภาระหนี้สิน เป็นประเด็นที่รัฐบาลดูแลมาโดยตลอด รัฐบาลได้กำหนดให้ในปี 2565 นี้เป็นปีแห่งการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน และได้กำหนดแนวทางที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนไว้ครอบคลุมทุกมิติ อย่างไรก็ดีในการประชุมฯ นายกรัฐมนตรีต้องการให้มีหน่วยงานขับเคลื่อนเพื่อให้ดูแลประชาชนทุกคน เพื่อบรรเทาภาระหนี้ให้กับประชาชนไม่ให้มีคนต้องถูก ยึดบ้าน ยึดรถ
3.การลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและเพิ่มรายได้ให้ประชาชน เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึงและเสมอภาค นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้เร่งรัดการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ ให้มีเงินกระจายลงไปในพื้นที่ ทั้งโครงการ EEC โครงสร้างพื้นฐานสร้างความเชื่อมโยง กระจายทรัพยากรสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น