ปัจจุบันพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าและบริการของผู้บริโภค ได้เปลี่ยนจากการซื้อขายผ่านหน้าร้านมาเป็นการซื้อขายผ่านโลกออนไลน์มากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 ยิ่งทำให้ผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าผ่านร้านค้าออนไลน์ ซึ่งตอนนี้กำลังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และนับเป็นทางเหลือใหม่ที่กำลังได้รบความนิยมอย่างสูง
แต่ในทางกลับกันเมื่อการซื้อสินค้าผ่านออนไลน์มากขึ้นก็ย่อมต้องมีปัญหาจากการซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้นตามมาด้วยเช่นกัน ทั้ง ปัญหาสินค้าไม่ตรงปก สินค้าชำรุด ปัญหาการชำระเงิน การเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ปัญหาการขนส่ง การได้สินค้าคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน รวมไปถึงปัญหาการหลอกลวง
ที่ผ่านมา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ยกเอาสถิติการรับร้องเรียนสินค้าและบริการในไตรมาส 4 ปี 2564 ผ่านสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. มานำเสนอ พบว่า มีจำนวนมากถึง 2,971 ราย
โดยด้านที่ได้รับการร้องเรียนมากที่สุด คือ ด้านโฆษณา อาทิ การโฆษณาเกินจริง การโฆษณาโดยไม่ขออนุญาต รองลงมาเป็นด้านขายตรงและตลาดแบบตรงด้านสัญญา และด้านฉลาก ตามลำดับ
ทั้งนี้สินค้าและบริการที่ได้รับการร้องเรียนมากที่สุด คือ สินค้าและบริการทั่วไป 658 ราย รองลงมาเป็นจองตั๋วเครื่องบิน/สายการบิน 190 ราย ในประเด็นการขอคืนค่าโดยสารอาคารชุด/คอนโดมิเนียม 179 ราย ในประเด็นการยกเลิกสัญญาและขอเงินคืน เครื่องมือสื่อสาร 134 ราย และผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว 133 ราย เป็นต้น
สิ่งที่น่าสนใจ คือ การซื้อขายสินค้าผ่านร้านค้าออนไลน์ประเภทต่าง ๆ ในปัจจุบัน ผู้ขายมักใช้กลยุทธ์ที่หลากหลายมาดึงดูดใจผู้บริโภคให้เข้าไปเลือกชม และเลือกซื้อสินค้า ใครโชคดีเจอร้านค้าดีก็โล่งไป แต่ก็มีอีกไม่น้อยที่มักเจอร้านค้าที่เข้าข่ายหลอกลวงและเอาเปรียบผู้บริโภค
ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. มีข้อแนะนำสำหรับการสังเกตร้านค้าออนไลน์ ว่าร้านแบบไหนที่ควรเลิกซื้อ และไม่ถูกหลอกลวง โดยมีวิธีตรวจสอบง่าย ๆ ดังต่อไปนี้
อย่างไรก็ตามหากผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบจากร้านค้าออนไลน์ สามารถร้องเรียนหรือแจ้งเบาะแสไปยัง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ผ่านช่องทางต่าง ๆ อาทิ