นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เปิดเผยว่า รัฐบาลกำลังติดตามราคาน้ำมันดีเซลใกล้ชิด และหากพบว่าสถานการณ์ยังยืดเยื้อจนทำให้ราคาน้ำมันยังคงปรับเพิ่มสูงขึ้น กระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลัง และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะออกมาตรการเสริมมาดูแลต่อไป
“ตอนนี้ทั้ง 3 หน่วยงานกำลังคุยกันอยู่ว่ามาตรการต่าง ๆ ที่มีอยู่ตอนนี้จะรองรับสถานการณ์ได้อย่างไรหากยืดเยื้อ ว่าจะมีมาตรการใดออกมาเสริมจากมาตรการเดิม คือการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ซึ่งเป็นมาตรการชั่วคราว ที่จะทำไปตามกรอบวงเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีอยู่”
สำหรับแนวทางการช่วยเหลือเพิ่มเติมนั้น เบื้องต้นยังไม่ได้มีรายละเอียดออกมาอย่างชัดเจน แต่ในเบื้องต้นได้มีการประเมินสถานการณ์เอาไว้โดยยึดระดับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเป็นหลัก ซึ่งสอดคล้องกับกรณีที่ปลัดกระทรวงพลังงาน ระบุเอาไว้ก่อนหน้านี้ในช่วงที่มีการแถลงผลประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่ทำเนียบรัฐบาล
โดยยอมรับว่า จะมีมาตรการออกมารองรับเป็นช่วง ๆ เช่น ราคาน้ำมันเกิน 100 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ต้องทำยังไง เกิน 100-130 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล เกิน 131-150 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล หรือพุ่งเกิน 150 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรลจะรองรับยังไงบ้าง
ขณะที่แนวทางการช่วยเหลือผ่านพ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทเพื่อมาใช้ในเรื่องนี้นั้น ที่ผ่านมานายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒน์ฯ เคยยอมรับก่อนหน้านี้ ว่า ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น เป็นผลกระทบจากตลาดโลก
ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้เงินจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท มาใช้พยุงราคาน้ำมันได้ เพราะอาจจะติดในข้อกฎหมาย เนื่องจาก พ.ร.ก. ฉบับดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาผลกระทบโควิดและฟื้นฟูเศรษฐกิจเท่านั้น
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวอีกว่า ขอฝากไปยังพี่น้องประชาชนได้รับทราบด้วยว่า สถานการณ์ราคาน้ำในในปัจจุบันนี้ได้ปรับตัวสูงขึ้นจริง จนทำให้ราคาน้ำมันแพงมากที่สุดในรอบ 14 ปี แม้ในวันนี้ราคาอาจจะปรับลดลงมาบ้าง แต่ก็ยังเต็มไปด้วยความผันผวน จึงยังคงประมาทไม่ได้ และยืนยันว่ารัฐบาลจะหาทางช่วยเหลือเต็มที่