นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน แถลงมาตรการลดค่าครองชีพ ช่วยเหลือประชาชนจากสถานการณ์ขัดแย้งยูเครน – รัสเซีย วันนี้ ว่า มาตรการที่รัฐบาลออกมาครั้งนี้ จะช่วยดูแลผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจได้ในระยะสั้น 3 เดือนจากนี้ ครอบคลุมประชาชนหลายกลุ่มที่จะได้รับการบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงนี้ไปได้
“ที่ผ่านมาในการดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ต้องถือว่ารัฐบาลไทยเมื่อเทียบกับรัฐบาลประเทศอื่น ก็ถือว่าได้ดูแลแก้ไขและเยียวยาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยอยากให้ประชาชนมั่นใจว่าการดำเนินการของรัฐบาลได้ให้ความสำคัญ เอาใจใส่ ทุ่มเทอย่างเต็มที่ เพื่อดูแลประชาชน และบรรเทา หรือผ่านพ้นความเดือดร้อนครั้งนี้ไปให้ได้ และขอให้ทุกคนช่วยกัน”
ทั้งนี้ยอมรับว่า ปัจจุบันสถานการณ์ทางเศรษฐกิจมีความน่าเป็นห่วง จากเดิมที่คาดว่าสถานการณ์พลังงานที่ดูสูงขึ้นเกิดจากการฟื้นตัวจากเศรษฐกิจทางเศรษฐกิจของโลก มีความต้องการพลังงานและสินค้าบางประเภทสูงเร็วว่าการผลิตที่จะตามมา หลังจากการผลิตได้ลดลงไปในช่วงที่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19
แม้ว่าในเบื้องต้นหน่วยงานทางด้านเศรษฐกิจจะประเมินว่าสถานการณ์ต่าง ๆ น่าจะจบสิ้นในเดือนมี.ค. จนเข้าสู่ปกติ ส่งผลให้ประเทศไทยเริ่มฟื้นตัวและไปข้างหน้าต่อ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ แต่สถานการณ์วิกฤตยูเครน-รัสเซีย กลับไม่จบเร็ว และน่าจะยืดเยื้อต่อไป ทำให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลได้ติดตามอย่างใกล้ชิด และจำเป็นต้องออกมาตรการลดค่าครองชีพ โดยเชื่อว่า ในช่วง 3 เดือนจากนี้น่าจะเห็นอะไรชัดขึ้น
“ถ้าสถานการณ์ยืดเยื้อมาก ทำให้การค้าขายต่าง ๆ ไม่สมดุลกัน โดยราคาสินค้าปรับเพิ่มขึ้น และอัตราเงินเฟ้อปรับสูงขึ้น จะถือเป็นวิกฤตซ้อนวิกฤต ซึ่งโจทย์ในการแก้ปัญหาจะยากขึ้น แต่วันนี้คาดคะเนว่าจะขอดูสถานการณ์ไป 3 เดือนก่อน และออกมาตรการระยะสั้นมาดูแล”
สำหรับมาตรการลดค่าครองชีพ อัพเดทล่าสุด วันที่ 24 มี.ค.2565 โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง มีด้วยกันดังต่อไปนี้
สำหรับการช่วยเหลือผ่านมาตรการลดค่าครองชีพดังกล่าว ครอบคลุมกลุ่มที่ได้ประโยชน์ทั้งหมด 4 กลุ่ม ดังนี้
สำหรับวงเงินและแหล่งเงินที่ใช้ในการดำเนินมาตรการทั้งหมด 80,247 ล้านบาท แยกเป็นดังนี้