21 เมษายน 2565 นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า กลุ่มรถสิบล้อกำลังจับตาดูว่า กระทรวงพลังงานจะปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลเกินระดับ 30 บาทต่อลิตร ตามที่ประกาศจริงหรือไม่หลังพ้นวันที่ 30 เมษายน ที่จะสิ้นสุดมาตรการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลไว้ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ซึ่งหากขยับราคาขึ้นจริง
สหพันธ์การขนส่งทางบกฯ ก็จำเป็นต้องประกาศปรับขึ้นอัตราค่าขนส่งตาม โดยจะปรับตามราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น เช่น หากราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้น 1 บาท จะต้องปรับค่าขนส่งขึ้น 3% ซึ่งรวม ๆ แล้วอาจต้องปรับค่าขนส่งขึ้นอีก 15-20% เพราะที่ผ่านมาผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระต้นทุนค่าขนส่งมาตลอด ซึ่งหากราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มเกินลิตรละ 30 บาทก็แบกรับภาระต่อไม่ไหว พร้อมมองว่า สถานการณ์เศรษฐกิจในเวลานี้ยังไม่เหมาะกับการปรับขึ้นราคาน้ำมันเพราะจะเป็นการซ้ำเติมทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป กองทุนน้ำมันฯ จะเลิกอุ้มราคาน้ำมันดีเซล 30 บาทต่อลิตร และปล่อยให้เป็นไปตามราคาในตลาดโลก โดยจะปรับการอุดหนุนราคาเป็นแบบคนละครึ่ง คือ กองทุนน้ำมันฯ จ่ายให้ครึ่งหนึ่ง ประชาชนรับภาระไปครึ่งหนึ่ง เช่น ปัจจุบันอุดหนุนประมาณ 8 บาทต่อลิตร ก็จะอุดหนุนแค่ 4 บาทต่อลิตรเท่านั้น
นอกจากนี้ในวันที่ 20 พฤษภาคม จะครบกำหนดมาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซล 3 บาท ภาระค่าใช้จ่ายเงินในกองทุนน้ำมันฯ จะกลับมาสูงอีกครั้ง ซึ่งปัจจุบันกองทุนมีกระแสเงินสด อยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท แต่สถานะติดลบแล้วกว่า 4.2 หมี่นล้านบาท
อย่างไรก็ดี ทางสหพันธ์มีข้อเสนอแนะให้รัฐบาลเร่งพิจารณาเพื่อเป็นทางออกในการแก้ปัญหาราคาพลังงานแพง ได้แก่ ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงด้านขนส่งเหลือ 0.20 บาทต่อลิตร เท่ากับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบิน รวมถึงนำไบโอดีเซลที่ใช้ผสมน้ำมันออกจากระบบชั่วคราวจะลดได้ 1.50-2.00 บาทต่อลิตร เพราะปัจจุบันราคาสูงกว่าน้ำมันดีเซลเท่าตัว และในการเทียบราคาน้ำมันประเทศสิงคโปร์ ขอให้เลิกคิดค่าขนส่งรวมเข้าไปในต้นทุนด้วย