นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT เปิดเผยว่าจากการติดตามสถานการณ์ภาพรวมการส่งออกในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับที่แท้จริง ยังคงขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของคู่ค้าสำคัญที่เศรษฐกิจฟื้นตัว ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ อินเดีย ฮ่องกง เยอรมนี สหราชอาณาจักร สวิตเซอร์แลนด์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เบลเยี่ยม อิตาลี และญี่ปุ่น และคาดว่าแนวโน้มต่อไป จะยังดีขึ้น
เพราะขณะนี้ หลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการเข้าประเทศ มีการเปิดประเทศเพิ่มขึ้น ทำให้มีการเดินทาง มีการท่องเที่ยว ซึ่งจะส่งผลดีต่อการซื้อสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตาผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังมีการสู้รบต่อเนื่อง และเป็นแรงกดดันทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าหลายกลุ่มสูงขึ้น และจะมีผลทำให้เงินเฟ้อในประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย รวมทั้งต้องติดตามผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด และสถานการณ์โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่ยังไม่คลี่คลาย
ส่งผลให้การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยเดือนมี.ค.2565 มีมูลค่า 739.13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 37.01% ยังคงฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง หากรวมทองคำ มีมูลค่า 3,408.93 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 341.39% และยอดรวม 3 เดือนของปี 2565 (ม.ค.-มี.ค.) มีมูลค่า 1,898.03 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 39.96% และหากรวมทองคำ มีมูลค่า 5,486.58 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 203.93%
“ปัจจัยที่ทำให้การส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับขยายตัวเพิ่มขึ้น มาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญ ที่มีการทยอยเปิดเมืองในหลายประเทศทั่วโลก ทำให้กำลังซื้อเพิ่มขึ้น จำนวนนักท่องเที่ยวมากขึ้น และยังมีการขยายตัวของการลงทุนเพิ่มระดับสินค้าคงคลัง ที่ลดลงไปก่อนหน้านี้ และยังมีการส่งออกทองคำไปเก็งกำไรจากราคาตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้มีการส่งออกทองคำเพิ่มขึ้น ซึ่งยอดรวม 3 เดือนมีมูลค่า 3,588.56 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวสูงถึง 699.05%”
สำหรับตลาดส่งออกสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ สหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย เพิ่ม 46.48% อินเดีย เพิ่ม 113.98% ฮ่องกง ซึ่งปีที่ผ่านมา การส่งออกชะลอตัวมาโดยตลอด กลับมาส่งออกได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้น 14.77% เพิ่ม 3 เดือนติดต่อกัน เยอรมนี เพิ่ม 7.97% สหราชอาณาจักร เพิ่ม 88.29% สวิตเซอร์แลนด์ เพิ่ม 82.14% สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพิ่ม 21.25% เบลเยี่ยม เพิ่ม 29.45% อิตาลี เพิ่ม 129.87% และญี่ปุ่น เพิ่ม 11.22%
ทั้งนี้ สินค้าสำคัญที่ส่งออกได้เพิ่มขึ้น เช่น เครื่องประดับเงิน เพิ่ม 13.98% เครื่องประดับทอง เพิ่ม 42.02% เพชรก้อน เพิ่ม 3.11 % เพชรเจียระไน เพิ่ม 70.90% พลอยก้อน เพิ่ม 27.41% พลอยเนื้อแข็งเจียระไน เพิ่ม 48.17% พลอยเนื้ออ่อนเจียระไน เพิ่ม 50.28% เครื่องประดับเทียม เพิ่ม 37.62% เศษหรือของที่ใช้ไม่ได้ทำจากโลหะมีค่า เพิ่ม 63.48% ส่วนเครื่องประดับแพลทินัม ลด 19.78%