เมื่อวันที่ 24 พ.ค.2565 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๔๗) พ.ศ. ๒๕๖๕
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ในบางกรณี
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๓ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวล รัษฎากร (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๔๙๖ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “ พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวล รัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๒๔๗) พ.ศ. ๒๕๖๕”
มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
มาตรา ๓ ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน ๓ หมวด ๓ ในลักษณะ ๒ แห่งประมวล รัษฎากร ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สําหรับเงินได้ที่ได้รับเป็นเงินสนับสนุนจากภาครัฐ ดังต่อไปนี้
(๑) เงินสนับสนุนที่ได้รับตามโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา ๓๓ ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
(๒) เงินสนับสนุนที่ได้รับตามโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs โดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นต้องไม่นํารายจ่ายที่จ่ายจากเงินสนับสนุนตามโครงการดังกล่าว มาถือเป็นรายจ่ายในการคํานวณกําไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล
การยกเว้นภาษีเงินได้ตามวรรคหนึ่งให้ใช้บังคับสําหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้รับเงินสนับสนุน ตาม (๑) หรือ (๒)
มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
สำหรับเหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่รัฐบาลได้จัดให้มีเงินสนับสนุนจากภาครัฐอันเนื่องมาจากการบรรเทาผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ตามโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา ๓๓ ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs
ดังนั้น เพื่อเป็นการบรรเทาภาระภาษีและช่วยรักษาระดับการจ้างงาน สมควรยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือ ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สําหรับเงินได้ที่ได้รับเป็นเงินสนับสนุนจากโครงการดังกล่าว จึงจําเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้