รายงานข่าวจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แจ้งวันนี้ว่า ตามที่ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มอบหมายให้ นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเทคโนโลยีเกษตร4.0และประธานคณะกรรมการบริหารศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (AIC:Agritech and Innovation Center) กล่าวปาฐกถาเปิดงาน “เทคโนโลยีเกษตรและพืชสวนแห่งเอเซีย 2022(Agritechnica Asia & Horti Asia 2022) ณ ศูนย์ประชุมไบเทค บางนา
ในการนี้ ดร. ทรัน ทานห์ นาม (H.E. Mr. Tran Thanh Nam) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามได้หารือกับ นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในโอกาสที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามได้เดินทางมาร่วมงาน “เทคโนโลยีเกษตรเอเชียและพืชสวนเอเชีย 2022(Agritechnica Asia & Horti Asia 2022) ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมสนับสนุนร่วมกับ German Agriculture Society (DLG)
ทั้งนี้ ดร. ทรัน ทานห์ นาม (H.E. Mr. Tran Thanh Nam) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ได้กล่าวขอบคุณประเทศไทยที่ให้การต้อนรับ และหารือความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ได้แก่ 1) ความปลอดภัยด้านอาหาร เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตผลทางเกษตร 2) การสร้างความเข้มแข็งให้แก่สหกรณ์การเกษตร
ซึ่งฝ่ายเวียดนามเห็นว่าประเทศไทยมีสหกรณ์การเกษตรที่เข้มเข็งและมีชื่อเสียงด้านผลิตภัณฑ์ OTOP จึงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่มาดูงานด้านสหกรณ์ในประเทศไทย 3) การสนับสนุนให้เกษตรกรใช้เครื่องมือทางการเกษตรแทนแรงงานคน 4) การอบรมเกษตรกร 5) ความร่วมมือด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (Sanitary and Phytosanitary: SPS)
นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวตอบว่า ไทยยินดีให้การสนับสนุนเวียดนามในประเด็นดังกล่าวและเห็นว่าทั้งสองประเทศมีกลไกความร่วมมือด้านการเกษตรและSPSในรูปคณะทำงานร่วมซึ่งสามารถเร่งรัดนัดหมายประชุมเพื่อเดินหน้าความร่วมมือในด้านต่างๆได้โดยเร็วทั้งนี้มีประเด็นที่ขอความร่วมมือในการดำเนินการต่าง ๆ ได้แก่
1) เสนอให้กระชับความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับไทยเรื่องข้าวตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อยกระดับราคาข้าวและเพิ่มรายได้ชาวนาเพราะกว่า20ปีที่ผ่านมาราคาข้าวในตลาดโลกต่ำมากวนเวียนอยู่ที่300-400ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในขณะที่ต้นทุนสูงขึ้นตลอดเวลา หากไทยและเวียดนามซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลกร่วมมือกันจะมีอำนาจต่อรองครองตลาดโลก ชาวนาทั้ง2ประเทศจะมีรายได้เพิ่มขึ้นพ้นจากความยากจนและหนี้สิน
2) เสนอให้เวียดนามสนับสนุนการจัดตั้งสภายางพาราอาเซียน (ASEAN RUBBER COUNCIL : ARCO) เพื่อร่วมมือในการพัฒนาอุตสาหกรรมยางพารา สนับสนุนเกษตรกรชาวสวนยาง และเพิ่มอำนาจการต่อรองของกลุ่มอาเซียน
3) ขอให้ฝ่ายเวียดนามเร่งรัดการอนุญาตนำเข้ามะม่วงและเงาะจากไทยตามที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันตั้งแต่ปี 2559รวมทั้งการส่งออกลูกไก่และไข่ฟักพ่อแม่พันธุ์จากไทยไปเวียดนาม ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้นำประเด็นดังกล่าวไปหารือเพิ่มเติมในการประชุม SPS
4) เสนอเวียดนามพิจารณาจัดสรรคิวรถขนส่งผลไม้สดซึ่งเป็นสินค้าเน่าเสียง่ายของไทยที่จะผ่านด่านเวียดนามไปจีนเป็นกรณีพิเศษเช่นด่านโหยวอี้กวน ด่านตงชิง เป็นต้น
5) เสนอเพิ่มความร่วมมือด้านโลจิสติกส์การเกษตรระหว่างไทย-ลาว-เวียดนาม ผ่านท่าเรือหวุ่งอ๋าง (Vung Ang) และท่าเรือไฮฟองซึ่งจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการขนส่งผลไม้และสินค้าเกษตรไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนและประเทศอื่นๆ
6) ประเทศไทยสนใจที่จะเรียนรู้เรื่องโอค็อป( One Commune One Product :OCOP) ของเวียดนามเช่นกัน
7) ขอให้ฝ่ายเวียดนามเร่งแจ้งชื่อผู้ประสานงานหลัก (Contact Point) และจัดประชุม SPS ครั้งที่ 2
ซึ่งเป็นไปตามกรอบการหารือก่อนหน้านี้ระหว่าง ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับเอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศไทยที่กระทรวงเกษตรฯ.โดยรัฐมนตรีเกษตรฯ.ของเวียดนามได้มีหนังสือเชิญรัฐมนตรีเกษตรฯ.ของไทยไปเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการและอยู่ระหว่างการกำหนดวันเวลาที่เหมาะสม
ทั้งนี้ ทั้ง2ฝ่ายเห็นพ้องที่จะให้นำเสนอประเด็นอื่นๆเพิ่มเติมในภายหลังการหารือครั้งนี้ และเห็นควรให้มีการหารือในประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้ในคณะทำงานร่วมโดยเฉพาะในช่วงการจัดงาน Agritechnica ที่ฝ่ายเวียดนามจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในเดือนสิงหาคม 2565 โดยเวียดนามแจ้งว่าจะมีหนังสือเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าร่วมงานดังกล่าวอย่างเป็นทางการโดยเร็วต่อไป
2) เสนอให้เวียดนามสนับสนุนการจัดตั้งสภายางพาราอาเซียน (ASEAN RUBBER COUNCIL : ARCO) เพื่อร่วมมือในการพัฒนาอุตสาหกรรมยางพารา สนับสนุนเกษตรกรชาวสวนยาง และเพิ่มอำนาจการต่อรองของกลุ่มอาเซียน
3) ขอให้ฝ่ายเวียดนามเร่งรัดการอนุญาตนำเข้ามะม่วงและเงาะจากไทยตามที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันตั้งแต่ปี 2559รวมทั้งการส่งออกลูกไก่และไข่ฟักพ่อแม่พันธุ์จากไทยไปเวียดนาม ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้นำประเด็นดังกล่าวไปหารือเพิ่มเติมในการประชุม SPS
4) เสนอเวียดนามพิจารณาจัดสรรคิวรถขนส่งผลไม้สดซึ่งเป็นสินค้าเน่าเสียง่ายของไทยที่จะผ่านด่านเวียดนามไปจีนเป็นกรณีพิเศษเช่นด่านโหยวอี้กวน ด่านตงชิง เป็นต้น
5) เสนอเพิ่มความร่วมมือด้านโลจิสติกส์การเกษตรระหว่างไทย-ลาว-เวียดนาม ผ่านท่าเรือหวุ่งอ๋าง (Vung Ang) และท่าเรือไฮฟองซึ่งจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการขนส่งผลไม้และสินค้าเกษตรไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนและประเทศอื่นๆ
6) ประเทศไทยสนใจที่จะเรียนรู้เรื่องโอค็อป( One Commune One Product :OCOP) ของเวียดนามเช่นกัน
7) ขอให้ฝ่ายเวียดนามเร่งแจ้งชื่อผู้ประสานงานหลัก (Contact Point) และจัดประชุม SPS ครั้งที่ 2
ซึ่งเป็นไปตามกรอบการหารือก่อนหน้านี้ระหว่าง ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับเอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศไทยที่กระทรวงเกษตรฯ.โดยรัฐมนตรีเกษตรฯ.ของเวียดนามได้มีหนังสือเชิญรัฐมนตรีเกษตรฯ.ของไทยไปเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการและอยู่ระหว่างการกำหนดวันเวลาที่เหมาะสม
ทั้งนี้ ทั้ง2ฝ่ายเห็นพ้องที่จะให้นำเสนอประเด็นอื่นๆเพิ่มเติมในภายหลังการหารือครั้งนี้ และเห็นควรให้มีการหารือในประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้ในคณะทำงานร่วมโดยเฉพาะในช่วงการจัดงาน Agritechnica ที่ฝ่ายเวียดนามจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในเดือนสิงหาคม 2565 โดยเวียดนามแจ้งว่าจะมีหนังสือเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าร่วมงานดังกล่าวอย่างเป็นทางการโดยเร็วต่อไป