แหล่งข่าวสมาคมทุเรียนใต้ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ปัจจุบันประเทศไทยส่งออกผลไม้เป็นมูลค่ากว่า 2.8 แสนล้านบาท เฉพาะทุเรียนอย่างเดียวมีมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท แต่เป็นที่น่าวิตกว่า ขณะนี้มีผู้นำเมล็ดทุเรียนแดงจากต่างประเทศมาขยายพันธุ์จำนวนมากเพื่อจำหน่าย โดยไม่มีมาตรการป้องกันจากภาครัฐ ซึ่งในอนาคตจะเป็นอันตรายมากกับทุเรียนพันธุ์ไทย เพราะเมื่อเกิดการผสมข้ามพันธุ์จะทำให้ทุเรียนพันธุ์ดีของไทย เนื้อสีจะเปลี่ยนไปและรสชาติความหอม ความอร่อยจะด้อยไปจากเดิมมาก อาจสูญเสียตลาดและเกิดความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจอย่างร้ายแรงในอนาคต
นอกจากนี้ยังเผยแพร่ เพื่อให้เกษตรกร ได้ทราบอนาคตทุเรียนไทย ผ่านบทความของ พลตรี ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์และการป้องกันประเทศ และผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ประมวลและนำเสนอข้อมูลแนวโน้มของตลาดทุเรียนในประเทศจีน กับโอกาสของประเทศไทยที่จะเป็นผู้ผลิตทุเรียนรายใหญ่ที่สุดของโลกในระยะ 5 ปี (พ.ศ.2564-2568) โดยราคาทุเรียนจะขึ้นอยู่กับปัจจัยใน 3 สถานการณ์ ประกอบด้วย
1.หากจีนนำเข้าทุเรียนหมอนทองน้อยกว่า 10% ราคาขายส่งของทุเรียนหมอนทองใน Guangzhou Jiangnan Fruit Exchange จะอยู่ที่ 177 บาท / กก. ภายในปี พ.ศ. 2568 และราคาขายส่งเฉลี่ยของทุเรียนหมอนทองในปี พ.ศ.2564-2568จะอยู่ที่ ประมาณ 174 บาท / กก.
2. หากจีนนำเข้าทุเรียนจากไทยเพิ่มขึ้น 10-15 % ราคาขายส่งของทุเรียนหมอนทองใน Guangzhou Jiangnan Fruit Exchange จะอยู่ที่ประมาณ 279บาท / กก. ภายในปี พ.ศ.2568 และราคาขายส่งเฉลี่ยของทุเรียนหมอนทองในปี พ.ศ. 2564-2568 จะอยู่ที่ประมาณ 243 บาท / กก.
3.หากจีนนำเข้าทุเรียนไทยมากกว่า 15% ราคาขายส่งของทุเรียนหมอนทองใน Guangzhou Jiangnan Fruit Exchange จะอยู่ที่ประมาณ 379 บาท / กก. ภายในปี พ.ศ. 2568 และราคาขายส่งเฉลี่ยของทุเรียนหมอนทองในปี พ.ศ 2564-2568จะอยู่ที่ประมาณ 290 บาท / กก.
ทั้งนี้ นอกจากการที่ประเทศไทยจะเป็นผู้ผลิตทุเรียนรายใหญ่ที่สุดของโลกในระยะ 5 ปี (พ.ศ.2564 -2568) และมีโอกาสอย่างมากในตลาดจีนแล้ว ยังมีการวิเคราะห์ว่า จะมีโอกาสเพิ่มมูลค่าจากการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทุเรียนได้มากขึ้น อันจะทำให้ทุเรียนพื้นบ้านและทุเรียนพันธุ์พื้นเมืองของไทยได้รับความนิยมมากขึ้น รวมทั้งคุณภาพทุเรียนที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน GMP และการรับรองมาตรฐาน Good Agricultural Practice (GAP) จะเป็นโอกาสในการพัฒนาตลาดใหม่ๆ ของทุเรียนไทย อาทิ ในเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง และอินเดีย เป็นต้น