กองทุนน้ำมันอ่วม ! สิ้น มิ.ย. อุ้มพลังงาน ทะลุแสนล้าน

19 มิ.ย. 2565 | 10:04 น.
อัปเดตล่าสุด :19 มิ.ย. 2565 | 17:38 น.

กองทุนน้ำมันฯอ่วม คาดถึงสิ้น มิ.ย.65 ใช้เงินอุดหนุนราคาพลังงานทั้งดีเซลและแอลพีจี ทะลุ 1 แสนล้านบาท หลังราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวต่อเนื่อง กระทรวงพลังงานดิ้นสุดทาง ทั้งขอปรับเพดานตรึงดีเซล ปล่อยลอยตัวแอลพีจี และขอเก็บกำไรส่วนเกินจากโรงกลั่น แก้ถังแตก

 

สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ปรับตัวมาอยู่ที่ระดับ 115 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล น้ำมันดิบเบรนท์ 118 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล และน้ำมันดิบดูไบ 116 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันสำเร็จรูป อย่างเบนซินออกเทน 95 ปรับตัวมาที่ระดับ 157 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล น้ำมันดีเซล 172 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล และน้ำมันก๊าดและอากาศยาน 169 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล

 

จากปัจจัยปริมาณน้ำมันดิบในตลาดโลกยังตึงตัว จากการคว่ำบาตรน้ำมันจากรัสเซีย และการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ยังคงไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันตามข้อตกลง และทางกลุ่มกำลังประสบปัญหาจากวิกฤตทางการเมืองที่ทำให้การผลิตของลิเบียลดลง โดยนักวิเคราะห์คาดว่า การผลิตของกลุ่มโอเปกยังลดลงจากระดับที่ประกาศไว้ ซึ่งจะส่งผลให้อุปทานขาดดุลประมาณ  1.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงครึ่งหลังของปี

 

กองทุนน้ำมันอ่วม ! สิ้น มิ.ย. อุ้มพลังงาน ทะลุแสนล้าน

 

จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นดังกล่าว ส่งผลสะท้อนมายังราคาขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูปในไทยอย่างต่อเนื่อง แม้ว่ารัฐบาลพยายามที่จะกดราคาขายปลีกในประเทศไม่ให้ปรับตัวสูงขึ้นไปตาม ทั้งการลดภาษีสรรพสามิตดีเซลลงมา 5 บาทต่อลิตร และการช่วยรับภาระครึ่งหนึ่งของราคาน้ำมันที่จะปรับขึ้นไป จากการนำเงินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาอุดหนุน ในขณะที่การอุดหนุนราคาก๊าซหุงต้ม หรือแอลพีจี จะทยอยปรับราคาขึ้นไปกิโลกรัมละ 1 บาทต่อเดือน

 

ทั้งนี้ จากการอุดหนุนราคาพลังงานดังกล่าว ได้ส่งผลให้ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงติดลบอย่างหนัก หรืออยู่ในสภาวะที่ย่ำแย่ จากการต้องนำเงินไปอุดหนุนสัปดาห์ละประมาณ 5,000 ล้านบาท หรือราว 2 หมื่นล้านบาทต่อเดือน ซึ่งรายงานของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) วันที่ 12 มิถุนายน 2565 ระบุว่า กองทุนน้ำมันมียอดติดลบราว 91,089 ล้านบาท แยกเป็นบัญชีน้ำมัน ติดลบ 50,147 ล้านบาท และบัญชีก๊าซแอลพีจีติดลบ 35,881 ล้านบาท

 

เมื่อมาพิจารณาโครงสร้างราคาน้ำมันแล้ว จะพบว่าปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯ ยังคงอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 10.34 บาทต่อลิตร หรือคิดเป็นเงินที่ต้องนำมาอุดหนุนราคาดีเซลวันละ 775.5 ล้านบาท หรือราว 5,428 ล้านบาทต่อสัปดาห์ ที่คำนวณจากปริมาณการใช้ดีเซลหมุนเร็ววันละ 75 ล้านลิตร

 

ขณะที่การอุดหนุนราคาก๊าซหุงต้มอยู่ที่ 13.86 บาทต่อกิโลกรัม ที่ต้องใช้เงินอุดหนุนจากกองทุนน้ำมันอีกกว่า 600 ล้านบาทต่อสัปดาห์ หรือกว่า 2,000 ล้านบาทต่อเดือน

 

ดังนั้น จากการคำนวณระยะเวลาที่เหลืออีก 2 สัปดาห์ ที่จะสิ้นสุดเดือนมิถุนายน 2565 นี้ จะส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ ติดลบเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ราว 1.01 แสนล้านบาท สร้างฐานะย่ำแย่ให้กับฐานกองทุนน้ำมันฯมากยิ่งขึ้น

 

ทั้งนี้ การแก้ปัญหาของกองทุนน้ำมันที่ตกอยู่ในสภาพนี้ ล่าสุด การประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน ได้เห็นชอบให้มีการทยอยปรับขึ้นราคาขายส่งหน้าโรงกลั่น LPG ไปที่ 19.9833 บาทต่อกิโลกรัม (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยปรับขึ้นเดือนละ 0.9346  บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม มีกรอบเป้าหมายเพื่อให้ราคาขายปลีก LPG อยู่ที่ประมาณ 408 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2565

 

อย่างไรก็ตาม เพื่อแก้ปัญหาฐานกองทุนน้ำมันฯ ในการประชุม กบง. ดังกล่าว ได้มีการเสนอให้มีการพิจารณายกเลิกการอุดหนุนราคาแอลพีจีทั้งหมด แต่ที่ประชุมไม่พิจารณาข้อเสนอดังกล่าว เนื่องจากจะส่งผลให้ราคาแอลพีจีถัง 15 กิโลกรัม ปรับเพิ่มขึ้นไปถึง 207.9 บาทต่อถัง ถือเป็นภาระต่อผู้บริโภคอย่างมาก

 

อีกทั้ง เบื้องต้นมีความเป็นไปได้ที่อาจปรับเพดานการตรึงราคาดีเซลเป็นลิตรละ 38 บาท จากปัจจุบันกำหนดไว้ไม่เกินลิตรละ 35 บาท ที่อาจยืนได้ถึงสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ รวมถึงการเจรจากับบรรดาโรงกลั่นน้ำมัน เพื่อขอให้ลดค่าการกลั่นลงมาประมาณ 2 บาทต่อลิตร มาใส่ไว้ในกองทุนน้ำมันฯโดยอาศัย พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ที่กำหนดให้สามารถเก็บเงินจากกำไรส่วนเกินเข้ามาไว้ในกองทุนน้ำมันฯได้

 

แนวทางดังกล่าว ถือเป็นความพยายามที่จะพยุงไม่ให้ฐานะกองทุนน้ำมันฯติดลบค่อนข้างมาก เพราะจะกลายมาเป็นปัญหาภายหลัง หากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลงแล้ว แต่ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศจะไม่ปรับลดลง เพราะจะต้องเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อนำไปไปใช้หนี้ที่ติดค้างอยู่