น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ติดตามความคืบหน้าการขับเคลื่อนนโยบายปลูก “ไม้มีค่า” เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว และสามารถใช้เป็นหลักประกันกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน
ล่าสุดทางกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ รายงานว่าได้เดินหน้าให้ความความรู้กับผู้นำและผู้บริหารกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เพื่อสร้างความรับรู้เกี่ยวกับไม้ยืนต้นที่มีค่า อาทิ สัก พะยูง มะค่า ตะเคียนทอง กฤษณา เหลืองปรีดี กัลปพฤกษ์ นางพญาเสือโคร่ง และจำปีสิรินธร ให้ใช้ประโยชน์จากกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ ซึ่งขณะนี้มีเกษตรกรและประชาชนให้ความสนใจเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง
ทั้งนี้จากข้อมูล ณ วันที่ 20 พฤษภาคม 2565 ระบุว่า สถิติการจดทะเบียนการนำต้นไม้มาเป็นหลักประกัน มีทั้งสิน 1.46 แสนต้น เป็นจำนวนเงินค้ำประกันกว่า 137 ล้านบาท โดยมีการจดทะเบียนการนำต้นไม้มาเป็นหลักประกันสถาบันการเงินต่าง ๆ ดังนี้
รวมต้นไม้ที่นำมาเป็นหลักประกัน เช่น สัก มะขาม มะเกลือ ยอป่า มะม่วง ไม้แดง ยาง ประดู่ป่า ประดู่บ้า มะหาด พะยอม เต็ง ตะแบกนา มะขามเทศ ตะกู พฤกษ์ ทุเรียน และขนุน
น.ส.รัชดา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการส่งเสริมเกษตรกรและประชาชนปลูกไม้ยืนต้นมีค่า เพราะนอกจากจะเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวของประเทศแล้ว ผู้ปลูกยังใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเพื่อขอกู้เงิน ทำให้เข้าถึงสินเชื่อที่มีกฎหมายรองรับอย่างชัดเจน อีกทั้งส่งผลดีต่อสถาบันการเงินที่สามารถปล่อยสินเชื่อได้มากขึ้น
ขณะนี้มีผู้ปลูกไม้มีค่าบนที่ดินของตนเองมากขึ้น หลังจากทราบว่า สามารถนำมาใช้เป็นหลักประกันการขอสินเชื่อเพื่อต่อยอดธุรกิจหรือใช้สอยในชีวิตประจำวันได้ โดยไม่จำเป็นต้องตัดต้นไม้
ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โทร 0 2547 4944