CPTPP ยังคงเป็นคำถามสำคัญที่อยู่ในความสนใจของสังคม หลังจากที่หลายภาคส่วนวิพากษ์วิจารณ์ถึงกระแสข่าวรัฐบาลเตรียมอนุมัติลงนามใน ข้อตกลงความเข้าใจและความคืบหน้าเพื่อหุ้นส่วนข้ามแปซิฟิก หรือ ที่รู้จักกันในชื่อ CPTPP
ล่าสุด สภาองค์กรของผู้บริโภค โพสต์เฟซบุ๊ค ระบุว่า ในวันที่ 20 กรกฏาคม ที่จะถึงนี้จะครบรอบหนึ่งปีที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้ทำหนังสือถึงสภาองค์กรของผู้บริโภค (สอบ.) ลงวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 ที่มีใจความโดยสรุปว่า นายกรัฐมนตรีมอบให้กระทรวงพาณิชย์ประสานงานกับสภาองค์กรของผู้บริโภค ในประเด็นความกังวลที่ประเทศไทยจะเข้าร่วม CPTPP (Comprehensive and Progressive Agreement for Trans-Pacific Partnership) หรือ ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก
ต่อมาในเดือนธันวาคม ปี 2564 รองนายกรัฐมนตรี ดอน ปรมัตวินัย ได้รับปากว่าจะทำรายงานวิจัยผลกระทบจากการเข้าร่วมข้อตกลงนี้ว่าจะมีผลได้หรือผลเสียมากกว่ากัน แต่จนถึงขณะนี้ สภาองค์กรผู้บริโภคที่จัดตั้งตามมาตรา 46 รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ยังไม่ได้รับการประสานงานจากกระทรวงพาณิชย์ในฐานะเลขานุการ คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) หรือ รายงานการศึกษาวิจัยเปรียบเทียบว่า การเข้าร่วมข้อตกลง CPTPP แต่อย่างใด จึงทวงถามความคืบหน้าในกรณีดังกล่าว
นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค แสดงความเห็นว่า การศึกษาวิจัยเปรียบเทียบว่า การเข้าร่วมข้อตกลง CPTPP (ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก) จะมีผลได้หรือผลเสียมากกว่ากัน มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในประเด็นการค้าและการลงทุนเปรียบเทียบกับผลกระทบต่อประเทศ ซึ่งควรเป็นแนวทางในการตัดสินทางนโยบายที่สำคัญ เนื่องจากปัจจุบัน ยังไม่มีงานศึกษาที่มากพอที่จะครอบคลุมปัจจัยอื่นๆ ที่เกิดขึ้นหลังการระบาดโควิด19 รวมถึงวิกฤตเศรษฐกิจ และสงครามที่โลกเผชิญอยู่
ที่ผ่านมา สอบ. ได้ทำหนังสือข้อเสนอ เพื่อชะลอการส่งหนังสือแสดงเจตจำนงเข้าร่วม CPTPP ต่อคณะรัฐมนตรี กนศ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับความตกลง CPTPP
“เนื่องจากการเข้าร่วมความตกลง CPTPP ยังมีความเห็นต่างในเรื่องผลได้ทางเศรษฐกิจและผลกระทบทางลบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนไทยทั้งประเทศ อีกทั้งอาจทำลายความพยายามของรัฐบาลในการบรรลุเป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) หากมีการเข้าร่วมความตกลง CPTPP ด้วยความไม่รอบคอบและไม่ได้มองถึงประโยชน์ของประชาชนผู้บริโภคส่วนใหญ่ที่เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย แต่กลับนำผลประโยชน์ทางธุรกิจของกลุ่มคนส่วนน้อยของประเทศมาพิจารณาเพื่อเข้าร่วมแทน” นางสาวสารีกล่าว
ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้บริโภคหากประเทศไทยเข้าร่วมความตกลง CPTPP
ทั้งนี้ เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภคตอกย้ำว่า เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2564 นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯและรัฐมนตรีต่างประเทศ ได้รับปากกับกลุ่ม FTA Watch และเครือข่ายภาคประชาสังคมว่า จะยังไม่นำ CPTPP เข้าคณะรัฐมนตรี จนกว่าจะมีการศึกษาที่ชัดเจนและครอบคลุมถึงผลกระทบทุกฝ่ายอย่างแท้จริงรอบด้านตามข้อกังวลของภาคประชาสังคม
ในภาวะที่ประเทศกำลังเผชิญวิกฤตด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม สภาองค์กรของผู้บริโภค ทำหน้าที่ตามมาตรา 14 ของ พ.ร.บ.การจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. 2562 ในการเป็นตัวแทนผู้บริโภคและคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภคในทุกด้าน ยืนยันข้อเสนอแนะเดิมที่ได้เสนอต่อนายกรัฐมนตรีไปแล้วอีกครั้ง คือ ขอให้คณะรัฐมนตรีชะลอการแสดงความจำนงเข้าร่วม CPTPP จนกว่าจะมีความเห็นร่วมที่แท้จริงบนฐานของความถูกต้อง
กล่าวคือ จนกว่าการศึกษาวิจัยเปรียบเทียบผลกระทบด้านบวกและด้านลบแล้วเสร็จ และนำเสนอผลการศึกษาวิจัยเปรียบเทียบฯ ต่อสาธารณะทันทีเมื่อแล้วเสร็จ หากข้อมูลพบผลกระทบด้านลบมากกว่าผลดีที่จะเกิดขึ้น ขอให้รัฐบาลมีมติหยุดการเข้าร่วมเจรจาความตกลง CPTPP ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ได้มีรายงานข่าว เมื่อเดือนกันยายน 2564 ว่า จีนและไต้หวันได้ยื่นหนังสือแสดงเจตจำนงขอเข้าร่วม CPTPP แต่จนถึงขณะนี้ ผ่านมากว่า 10 เดือนแล้ว สมาชิก CPTPP ยังไม่สามารถตกลงกันได้ว่าจะทำอย่างไรกับคำขอเข้าร่วมนี้ดี
ข้อมูล : สภาองค์กรณ์ของผู้บริโภค