ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ และพลังงานกำลังเป็นปัญหาที่ต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว
ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ดำเนินการเรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ครั้งที่ 2/2565 ซึ่งเป็นการประชุมเต็มคณะ ทั้งกระทรวงด้านความมั่นคงและกระทรวงด้านเศรษฐกิจ อาทิ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายอาคมเติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชัยวุฒิ ธนาธนานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เข้าร่วม โดยใช้เวลาประชุมกว่า 3 ชั่วโมง
จากการประชุมดังกล่าวได้มีจัดตั้ง 2 ทีมเฉพาะกิจแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยชุดแรกจะมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ภายใต้ชื่อ คณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อบริหารจัดการสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำงานเหมือนคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจ
สำหรับหน้าที่ของคณะกรรมการ จะกำหนดแผนเตรียมพร้อมรองรับผลกระทบของเศรษฐกิจโลก การค้า การลงทุน พลังงาน และการเงินการธนาคารด้วย โดยติดตามว่าวิกฤตที่เกิดขึ้นยาวนานแค่ไหน 3 เดือนจะเกิดอะไรขึ้น 6 เดือนจะเกิดอะไรขึ้น หรือเกินไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น จึงต้องเตรียมความพร้อมเอาไว้ เพื่อให้สิ่งเหล่านี้ไม่เกิดผลกระทบกับไทยมากที่สุด
ขณะที่การทำงานจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย
"เรื่องมาตรการลดค่าครองชีพคงไปดูว่า มาตรการเดิมที่ออกมา ควรจะต่อได้ไหม ต่อได้แค่ไหน แต่วันนี้อยากให้ดูง่าย ๆ อะไรที่ดูแลเดิมอยู่แล้ว จะดูแลต่อได้ถึงเมื่อไหร่ยังไง จะต้องมีลิมิตไหม หรือจะทำต่อได้ถึงเดือนธันวาคมนี้หรือเปล่า หรือจะเพิ่มอะไรได้บ้าง"
“สิ่งที่ต้องเตรียมความพร้อมรองรับตอนนี้ คือ เรื่องของพลังงานจะต้องไม่ขาดแคลน ไฟต้องไม่ดับ พลังงานต้องเพียงพอ ส่วนค่าการกลั่นน้ำมันนั้น วันนี้ก็มีกฎหมายอยู่ คงต้องรอให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาชี้แจงรายละเอียดอีกครั้ง แต่เบื้องต้นได้รับรายงานจากฝ่ายกฎหมายว่า การออกเป็นกฎหมายมาบังคับ จะทำเฉพาะเรื่องจำเป็นเด็ดขาดเท่านั้น ถึงจะทำได้ เพราะไม่อย่างนั้นจะทำให้มีความเสี่ยงสูง”
พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้ระบุด้วยว่า ในเรื่องของพลังงานนั้น ได้มอบนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปหารือกันว่า จะหาแหล่งพลังงานเพิ่มเติมจากไหนได้บ้าง ทั้งในพื้นที่อ่าวไทย และพื้นที่อื่น ๆ โดยจะต้องมีการหารือกันต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานให้กับประเทศต่อไป
ส่วนคณะกรรมการอีก 1 ชุดจะมีชื่อว่า คณะกรรมการเฉพาะกิจติดตาม ประเมินผล วิเคราะห์ผลกระทบในอนาคต มีกระทรวงการคลังเป็นประธาน อาจเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือปลัดกระทรวงการคลัง โดยคณะกรรมการทั้งสองชุดจะเข้าสู่การประชุม ครม.ในวันนี้ (5 ก.ค.)