ยกระดับ "ปราบแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์" ครม.เห็นชอบจับมือกัมพูชา วาระเร่งด่วน

05 ก.ค. 2565 | 08:27 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ก.ค. 2565 | 15:35 น.

มติครม.ล่าสุด เห็นชอบกระทรวงดีอีเอสของไทย ทำเอ็มโอยูกับ "กัมพูชา" เดินหน้าปราบแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ และ Hybrid Scam เป็นประเด็นเร่งด่วน

วันที่ 5 ก.ค. 65 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)เห็นชอบ "ร่างบันทึกความเข้าใจ" หรือ MOU ว่าด้วยความร่วมมือด้านการปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์(Call Center) และ Hybrid Scam

 

ระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงการไปรษณีย์และโทรคมนาคมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา 

 

ทั้งนี้ บันทึกความเข้าใจที่ทำร่วมกันนี้จะมีผลบังคับเป็นเวลา 3 ปีนับแต่วันลงนาม และอาจขยายระยะเวลาบังคับได้อีก 3 ปี ด้วยการจัดทำความตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร

 

ซึ่งการลงนามจะมีขึ้นในวันที่ 11 ก.ค. 2565 ที่กัมพูชา ในโอกาสที่นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จะเดินทางไปเยือนกัมพูชา เพื่อติดตามาประเด็นการปราบปรามแก๊งCall Center และ Hybrid Scam

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

เพื่อกำหนดกรอบความร่วมมือให้เจ้าหน้าที่ของทั้ง 2 ประเทศ ได้ใช้มาตรการทีเหมาะสมและมีความสอดคล้องกับกฎหมายภายในของทั้ง 2 ประเทศ แลกเปลี่ยนข้อมูลสำหรับปราบปรามผู้กระทำผิด ตลอดจนการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่ของทั้งไทยและกัมพูชา 

 

เพื่อผลักดันมาตรการต่างๆ ร่วมกัน เน้นย้ำนโยบายที่รัฐบาลถือว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นเร่งด่วน เนื่องจากมีประชาชนชาวไทยได้รับผลกระทบและเสียหายจากการก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ในลักษณะดังกล่าวเป็นจำนวนมาก

น.ส.ไตรศุลี  กล่าวว่า สาระสำคัญของความตกลงระหว่างไทยและกัมพูชา จะมีกิจกรรมที่ผ่านการตัดสินใจร่วมกัน ดังนี้

  1. แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญเชิงเทคนิค และแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศในการปราบปรามแก๊ง Call Center และ Hybrid Scam ภายใต้ระบบและกรอบการทำงานที่ดำเนินงานร่วมกัน อาทิ กลไกสนับสุนทีนส่งเสริมส่งผ่านข้อมูลข้ามพรมแดน 
  2. แต่งตั้งผู้ประสานงานเพื่ออำนวยความสะดวกแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการสืบหาหลักฐานในไทย และกัมพูชา และขยายการสืบสวนเพื่อให้ได้ตัวผู้กระทำความผิดโดยหลักฐานดังกล่าวอาจจะรวมถึงข้อมูลที่อยู่ผู้ใช้บริการการสื่อสารทางเสียงผ่านอินเตอร์เน็ต และบันทึกการใช้โทรศัพท์ของผู้กระทำความผิดที่ได้กระทำระหว่างก่ออาชญากรรมทั้ง 2 ประเทศ 
  3. ประสานงานและอำนวยความสะดวกในกระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดนตามสนธิสัญญาระหว่างไทยและกัมพูชาว่าด้วยการส่งผู้รายข้ามแดน รวมทั้งกฎหมายและกฎระเบียบภายในประเทศของผู้เข้าร่วมทั้ง  2 ฝ่าย
  4. ตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องของทั้งไทยและกัมพูชา
  5. ความร่วมมืออื่นๆ ตามที่ผู้เข้าร่วมทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมกัน