นายกฯ ซิ่ง มินิคูเปอร์ EV ทูตสวิส พาชมตึกไทยคู่ฟ้า ทิ้งทวนอำลาตำแหน่ง

06 ก.ค. 2565 | 08:15 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ก.ค. 2565 | 16:06 น.

นายกฯ พบเอกอัครราชทูตสวิส เข้าอำลาตำแหน่ง พร้อมชมรถยนต์ของสถานทูต เป็นมินิคูเปอร์ EV ก่อนขอซิ่ง พาทูตสวิส ชมตึกไทยคู่ฟ้า ยืนยันความร่วมมือทั้งสองประเทศ พร้อมเป็นหุ้นส่วนด้านเศรษฐกิจที่สำคัญ ทั้งการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว

วันนี้ ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นางเฮเลเนอ บุดลีเกอร์ อาร์ทิเอดา (H.E. Mrs. Helene Budliger Artierda) เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่ออำลาเนื่องในโอกาสพ้นจากหน้าที่ 

นายกฯ ซิ่ง มินิคูเปอร์ EV ทูตสวิส พาชมตึกไทยคู่ฟ้า ทิ้งทวนอำลาตำแหน่ง

ทั้งนี้ ภายหลังการหารือ นายรัฐมนตรีได้เดินลงมาส่งเอกอัครราชทูตสวิส ที่ประตูทางขึ้นด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า พร้อมทั้งเห็นรถยนต์ของคณะทูตสวิส ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้า EV ยี่ห้อ มินิคูเปอร์ เอส สีแดง หมายทะเบียน ท 76-1002 นายกรัฐมนตรีจึงสอบถามในรายละเอียด และทราบว่าเป็นรถยนต์ EV จึงขอทดลองนั่งรถยนต์คันดังกล่าว 

 

นายกรัฐมนตรี ทดลองขับรถยนต์ไฟฟ้า EV ของสถานทูตสวิส

 

โดยในรอบแรก นายกฯ ได้ทดลองนั่งโดยมีพนักงานขับรถของสถานทูต เป็นผู้ขับวนรอบสนามหญ้าตึกไทยคู่ฟ้าหนึ่งรอบ และในรอบที่สอง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขอทดลองขับรถด้วยตัวเอง โดยมีเอกอัครราชทูตสวิสนั่งไปด้วย

 

นายกรัฐมนตรี ทดลองขับรถยนต์ไฟฟ้า EV ของสถานทูตสวิส

 

ทั้งนี้นายกฯ ได้ทดลองขับวนรอบหน้าตึกไทย 1 รอบช้า ๆ พร้อมโบกมือให้กับกลุ่มผู้สื่อข่าวบริเวณด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า จากนั้นจึงขับขึ้นไปด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนที่เอกอัครราชทูตสวิส จะเดินทางกลับไป

 

นายกรัฐมนตรี ทดลองขับรถยนต์ไฟฟ้า EV ของสถานทูตสวิส

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการหารือระหว่างนายกฯ และเอกอัครราชทูตสวิส ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ไทยและสมาพันธรัฐสวิสมีความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยสมาพันธรัฐสวิสเป็นหุ้นส่วนด้านเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย มีมูลค่าการค้าและการลงทุนระหว่างกันเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีเห็นว่า ทั้งสองฝ่ายยังมีศักยภาพที่จะเพิ่มพูนการค้าและการลงทุนระหว่างกันได้อีกมาก 

นายกฯ ซิ่ง มินิคูเปอร์ EV ทูตสวิส พาชมตึกไทยคู่ฟ้า ทิ้งทวนอำลาตำแหน่ง

พร้อมเชิญชวนนักลงทุนจากสมาพันธรัฐสวิสเข้ามาลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของไทย ในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร 

 

นายกฯ ซิ่ง มินิคูเปอร์ EV ทูตสวิส พาชมตึกไทยคู่ฟ้า ทิ้งทวนอำลาตำแหน่ง

 

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีขอบคุณสมาพันธรัฐสวิสที่สนับสนุนการฟื้นการเจรจาความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (European Free Trade Association: EFTA) มาโดยตลอด ด้านเอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสฯ พร้อมผลักดันและเร่งรัดให้เกิดผลลัพธ์เป็นรูปธรรมโดยเร็ว

นายกฯ ซิ่ง มินิคูเปอร์ EV ทูตสวิส พาชมตึกไทยคู่ฟ้า ทิ้งทวนอำลาตำแหน่ง

สำหรับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรีขอบคุณที่ชาวสวิสนิยมเดินทางมาไทย รัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการเข้าประเทศ ผ่านการยกเลิก Thailand Pass เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีหวังว่า นักท่องเที่ยวชาวสวิสจะเดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศไทยมากขึ้น กระชับความสัมพันธ์ในระดับประชาชนของทั้งสองประเทศด้วย

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีกับสมาพันธรัฐสวิสที่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกไม่ถาวรคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council: UNSC) วาระปี ค.ศ. 2023-2024 โดยเชื่อมั่นว่า สมาพันธรัฐสวิสจะมีบทบาทที่แข็งขันในการส่งเสริมสันติภาพให้เกิดขึ้นในโลก พร้อมฝากประชาสัมพันธ์ความเป็นมิตรของไทยสู่สายตานานาประเทศด้วย

 

พบเอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิส เข้าอำลาตำแหน่ง

 

เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสฯ กล่าวว่า ยินดีที่ได้พบหารือกับนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ตลอดระยะเวลาเกือบ 3 ปี ที่ดำรงตำแหน่ง ได้รับความสุขและประสบการณ์ที่ดี ประเทศไทยสวยงาม และน่าตื่นตาตื่นใจ ชาวสวิสนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวระยะสั้น 

 

รวมทั้งมีชุมชนชาวสวิสที่พำนักอาศัยในประเทศไทยระยะยาวจำนวนมาก เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสฯ ขอบคุณรัฐบาลไทยที่ดูแลและให้ความช่วยเหลือทั้งนักท่องเที่ยวชาวสวิส และชุมชนชาวสวิสที่อยู่ในไทยเป็นอย่างดีในช่วงสถานการณ์โควิด-19 

 

ทั้งนี้เชื่อมั่นว่าการผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศของไทยจะดึงดูดให้นักท่องเที่ยวชาวสวิสเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น รวมถึงขอบคุณนโยบายของไทยที่ออกเป็นมติของคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้คนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อการพำนักระยะยาว 10 ปี จะเป็นสัญญาณที่ดีและดึงดูดผู้เกษียณอายุชาวสวิสจำนวนมากให้มาพำนักยังประเทศไทยในระยะยาว 

 

โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ พัทยา และเกาะต่าง ๆ ของประเทศไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีมั่นใจ และขอให้เชื่อมั่นว่า รัฐบาลและชาวไทยพร้อมดูแล และอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวชาวสวิสเป็นอย่างดี

 

พบเอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิส เข้าอำลาตำแหน่ง