วันนี้(13 ก.ค.65) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ข่าวราคาน้ำมันตลาดโลกลดลงมาวันนี้ ผมมีมุมคิดกับข่าวนี้แบบนี้ครับ
1. ราคาน้ำมันดิบลดลง ทำให้เราคาดหวังว่าราคาน้ำมันหน้าปั๊มจะลดลง ถ้าลดจริงก็จะช่วยให้เราจ่ายค่าน้ำมันน้อยลงได้ แต่ต้องเข้าใจครับ ว่าราคาน้ำมันดิบลง ราคาน้ำมันหน้าปั๊มก็อาจจะไม่ลงตามเลยทันทีทันใด เพราะราคาที่ซื้อขายคือราคาล่วงหน้าครับ และการคิดราคาหน้าปั๊มมันมีกลไกการคิดที่ซับซ้อนและมีตัวเลขอื่นๆ มากกว่าราคาน้ำมันดิบมาให้คำนวณร่วมกัน
2. แต่ราคาจะขึ้นจะลงก็ยังคงขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้จริงของคนในประเทศด้วยนะครับ อย่างในอเมริกานี่ ตอนนี้มีการคาดการณ์กันว่า คนจะขับรถน้อยลงถึงแม้จะเข้าหน้าร้อนบ้านเค้า ที่ธรรมดาคนก็จะออกไปเที่ยวขับรถไประหว่างเมืองหน่วยงานด้านพลังงานของเค้าอย่าง EIA ก็ออกมาทำนายว่าปริมาณการใช้น้ำมันจะลดลงประมาณ 2.2% จากการใช้เดือนที่แล้ว
3. ประเทศไทยเราเอง มีตัวเลขการใช้น้ำมันในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมนี่ เบนซินคือ 25.289 ล้านลิตรต่อวัน น้อยลงกว่ามิถุนายน 29.367 ล้านลิตรต่อวัน คิดเป็น 13.9% ที่ลดลง ตัวน้ำมันดีเซลก็คล้ายๆกัน คือ ปริมาณการใช้กรกฎาคมคือ 56.933 ล้านลิตร แต่มิถุนายนใช้ 67.344 ล้านลิตร ก็ลดลงไป 15.5%
ก็ต้องดูครับว่าถ้าตัวเลขการใช้น้ำมันของเราเป็นแบบนี้ จะส่งผลต่อระบบอุปสงค์อุปทานหรือไม่แค่ไหน
แต่เอาจริงๆ เรื่องที่ทุกคนน่าจะจับตากันอยู่คือ เรื่องเงินเฟ้อครับ ผมเพิ่งได้อ่านข่าวการสำรวจความกังวลของคนจาก World Economic Forum ว่าวันนี้คนทั่วโลกมีความกังวลเรื่องเงินเฟ้อมาก ในขณะที่ความกังวลต่อสถานการณ์โรคโควิดได้ลดลง
เรื่องราคาน้ำมันขึ้นลงก็มีผล ยิ่งถ้าเป็นแบบนี้ความกังวลกับเรื่องเงินเฟ้ออาจจะลดลง เพราะราคาน้ำมันที่เปลี่ยนไปแต่เรื่องที่เรายังต้องจับตาให้ดีคือ เรื่องเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ครับ เพราะหลายๆ ปัจจัยบ่งชี้ไปแบบนั้น ยิ่งราคาข้าวของใช้เพิ่มราคายิ่งทำให้ความกังวลยิ่งเพิ่มขึ้นครับ