สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 1.96 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 102.26 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 43 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 106.92 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 3.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 400,000 บาร์เรล
โรเบิร์ต ยอว์เกอร์ นักวิเคราะห์ด้านพลังงานจากบริษัทมิซูโฮกล่าวว่า การพุ่งขึ้นของสต็อกน้ำมันเบนซินเป็นปัจจัยที่สร้างความกังวลในตลาด โดยคาดว่าสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้ชาวอเมริกันใช้น้ำมันเบนซินน้อยลงคือราคาที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง โดยในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันเบนซินที่สถานีบริการพุ่งขึ้นถึง 5 ดอลลาร์/แกลลอน แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ข้อมูลของ EIA ยังระบุด้วยว่า สต็อกน้ำมันดิบลดลง 400,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 200,000 บาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า การที่ธนาคารกลางทั่วโลกพากันปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อนั้น อาจส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงและส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
สำหรับข่าวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับท่อส่งน้ำมัน Nord Stream 1 นั้น สื่อต่างประเทศรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า รัสเซียจะกลับมาส่งก๊าซธรรมชาติไปยังยุโรปผ่านทางท่อส่ง Nord Stream 1 หลังเสร็จสิ้นการซ่อมบำรุงในวันที่ 21 ก.ค. หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีความวิตกกังวลว่ารัสเซียจะไม่ส่งก๊าซให้ยุโรป แม้เสร็จสิ้นการซ่อมบำรุงในวันดังกล่าว
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า รัสเซียจะกลับมาส่งก๊าซให้แก่ EU ตามปกติ แต่ต่ำกว่าระดับ 160 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ซึ่งเป็นระดับการส่งก๊าซเต็มศักยภาพของท่อส่งดังกล่าว
ทั้งนี้ ท่อส่ง Nord Stream 1 ซึ่งจัดส่งก๊าซมากกว่า 1 ใน 3 ของรัสเซียให้แก่ยุโรป ได้ทำการซ่อมบำรุงประจำปีตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค. และมีกำหนดเสร็จสิ้นในวันที่ 21 ก.ค.