รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้กับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 5 ให้กับผู้มีบัตรสวัสดิการฯ จำนวน 13.34 ล้านคน โดยช่วยเหลือ 200 บาทต่อคน เป็นเวลา 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน – 31 ตุลาคม 2565 รวม 400 บาท รวมวงเงิน 5,336 ล้านบาท
ขณะเดียวกันที่ประชุมยังเห็นชอบโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 3 ให้กับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือฯ จำนวนไม่เกิน 2.22 ล้านคน โดยช่วยเหลือ 200 บาทต่อคน เป็นเวลา 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน – 31 ตุลาคม 2565 รวม 400 บาท รวมวงเงิน 890 ล้านบาท
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงรายละเอียดว่า โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 5 วงเงิน 5,336.8304 ล้านบาท และ โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษระยะที่ 3 กรอบวงเงิน 890.8816 ล้านบาท
เพื่อช่วยเหลือ เยียวยาและลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่กลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษในช่วงที่ยังมีการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 จำนวน 200 บาท/คน ในระยะเวลา 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนถึง 31 ตุลาคม 2565 รวมทั้งสิ้น 400 บาทต่อคน
ทั้งนี้จะเป็นการช่วยให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยและผู้ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในภาวะวิกฤตในภาวะเศรษฐกิจที่ราคาสินค้าและค่าครองชีพปรับสูงขึ้นนี้
ทั้งนี้ รูปแบบการดำเนินการโครงการฯ จะเป็นการเพิ่มวงเงินซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นและร้านค้าหรือผู้บริการที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งระยะที่ 5 จำนวน 200 บาทต่อคนเป็นระยะเวลา 2 เดือนรวมทั้งสิ้น 400 บาทต่อคน
โดยมีกลุ่มเป้าหมายในโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 5 จำนวนไม่เกิน 13,342,076 คน (ข้อมูล ณ 1 มิถุนายน 65) และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษระยะที่ 3 จำนวนไม่เกิน 2,227,204 คน (ข้อมูล ณ 1 เมษายน 65)
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง จะได้มีการปรับปรุงฐานข้อมูลกลุ่มเป้าหมายในโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 5 และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 3 นี้ให้เป็นฐานข้อมูล ณ วันที่ 1 สิงหาคม 65 เพื่อให้จำนวนกลุ่มเป้าหมายของทั้ง 2 โครงการ สอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริงในปัจจุบันให้มากที่สุดด้วย
นายธนกร กล่าวว่า กลุ่มเป้าหมาย 15 ล้านคน จากทั้ง 2 โครงการ จะได้รับการช่วยเหลือ เยียวยา และลดภาระค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าฯ และซื้อสินค้าหรือรับบริการจากร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 นอกจากช่วยทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ยังเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้วย