นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานหอการค้าไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”หลังจากที่นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้เดินทางถึงไต้หวัน ว่าไทยเองต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดว่าทางรัฐบาลจีนจะออกมาตรการอะไรออกมาเพิ่มเติมหรือไม่เพราะมาตรการก่อนหน้านั้นคือทางจีนมีการแบนสินค้าในกลุ่มของพวกขนมปัง
แต่ ณ ถึงตอนนี้จีนเองยังไม่ออกมาตรการมาเพิ่มซึ่งคงต้องรอดูว่าจีนเองจะตอบโต้อย่างไร เพราะจีนมีการสั่งซื้อสินค้าพวกอิเล็กทรินิกส์ ชิป จากไต้หวันมาผลิตสินค้า แต่ทั้งนี้คาดว่าจีนน่าจะสั่งระงับวัตถุดิบบางชนิดให้ไต้หวัน ในการผลิตชิปต่างๆซึ่งเป็นสินค้าวัตถุดิบที่เกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่งด้านการผลิตของไต้หวันส่วนสินค้าอื่นๆหากจีนอาจจะมองหาซื้อจากแหล่งอื่นมาทดแทนก็ต้องรอดูมาตรการวันนี้(3สิงหาคม)
“ความขัดแย้งของยักษ์ใหญ่2ประเทศคงแหมือนการตอกกย้ำถึงความไม่ลงรอยชัดขึ้น ซึ่งหวังว่าจะมีเวทีที่ให้ทั้ง2ประเทศจะสามารถพูดคุยกันได้ เพราะการที่2ประเทศมหาอำนาจขัดแย้งกับส่งผลกระทบไปยังประเทศเล็กๆ ซึ่งในส่วนของไทยเองที่ผ่านมาวางตัวเป็นกลางกับทุกประเทศ ดังนั้นผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับไทยน่าจะไม่มี
เห็นได้จากกสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนรอบก่อนไทยเองก็ไม่ได้ผลกระทบในด้านลบ การค้าของไทยยังคงเดินหน้าสินค้าบางตัวไทยส่งไปทดแทนให้2ตลาดนี้ ส่วนจะความขัดแย้งครั้งนี้จะตอกย้ำการกลับมาเป็นสงครามการค้าระหว่างจีนสหรัฐอีกหรือไม่นั้นตอบยาก เพราะสหรัฐเองมีปัญหาเรื่องเงินเฟ้อที่รุนแรงและทางออกหนึ่งของสหรัฐคือการลดความขัดแย้งกับจีน เพราะสหรัฐฯยังคงต้องนำเข้าสินค้าจากจีนและลดต้นทุนการผลิต”
แต่อย่างไรก็ตามการค้าของโลกจากนี้ไปน่ายากขึ้นการค้าขายแบบเดิมหรือในอนาคตอาจจะเปลี่ยนไป ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าความขัดแย้งนี้จะมีความรุนแรงของมาตรการต่างๆที่จีนจะออกมา อาจจะเป็นการแบนสินค้าบางอย่าง ลดการนำเข้าสินค้า ซึ่งเอกชนไทยหวังว่าจะมีเวทีที่ให้สองประเทศนี้พูดคุยหารือกันโดยเร็ว