“ฐานเศรษฐกิจ” เปิดมุมมองจากกูรูภาคอุตสาหกรรมตัวจริง เจ้าของตำนานผู้ปลุกอุตสาหกรรมปิโตรเคมีกระหึ่มในยุคแรกเริ่มในประเทศไทย นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPL และประธานกรรมการ บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP เปิดมุมมองต่อภาพรวมเศรษฐกิจในเวลานี้ พร้อมแนะทางออกที่ต้องรีบทำ เพื่อเป็นหนทางปลุกเศรษฐกิจไทยให้กลับมาฟื้นตัวได้ในเร็ววัน
ห่วงเงินเฟ้อต้นทุนผลิตสูง
นายประชัย กล่าวถึง เศรษฐกิจไทยในเวลานี้ว่า ดูผิดเพี้ยนไป ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ ตอนนี้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ไม่ใช่เงินเฟ้อจากดีมานด์สูง แต่เกิดจากต้นทุนการผลิตสูงมาก โดยเฉพาะต้นทุนนํ้ามันดีเซล ที่สูงขึ้นมาที่ 35 บาทต่อลิตร แทนที่จะตรึงไว้ที่ 20 บาทต่อลิตร แค่แก้ปัญหาตรงนี้จุดเดียว ถ้าทำได้ทุกอย่างจะดีขึ้นหมด เพราะเวลานี้แม้แต่คนปลูกข้าว รถที่ใช้ในภาคเกษตร หรือแม้แต่การส่งออกสินค้าออกไป รวมถึงเครื่องจักรทุกอย่างล้วนใช้นํ้ามันดีเซล ทำให้เวลานี้ราคาสินค้าปรับสูงขึ้นไปแล้ว 7-8% ตรงนี้มองว่ารัฐบาลแก้ปัญหาผิดทางมาตั้งแต่ต้นทางแล้ว น่าสงสารคนไทย ทำไมมาเลเซียถึงทำได้ ขายดีเซลหน้าปั๊มที่ 16 บาทต่อลิตร ราคานํ้ามันเบนซินก็ตํ่ากว่าไทย
“เวลานี้ประชาชนเดือดร้อนหนักเพราะราคาสินค้าแพงขึ้นมาก ราคานํ้ามันดีเซลขึ้นจาก 20 บาทต่อลิตรเป็น 35 บาทต่อลิตร แล้วยังต้องใช้กองทุนนํ้ามันเชื้อเพลิง มาอุดหนุนอีกเป็นแสนล้านบาท เพื่อให้ ปตท.มีกำไรเป็นแสนแสนล้านบาท”
นายประชัย กล่าวว่า ถ้าต้องการลดความเดือดร้อนของประชาชน รัฐบาลจะต้องตรึงราคานํ้ามันดีเซลไว้ที่ 20 บาทต่อลิตร แล้วปล่อยให้นํ้ามันเบนซินลอยตัว แล้วเก็บเงินเข้ากองทุนนํ้ามันฯ ตามปกติ เพื่อลดการขาดทุนของกองทุนแสนกว่าล้านบาท ปตท.จะเหลือกำไรลดลง แต่ประชาชนจะไม่ได้รับความเดือดร้อนมาก
วันนี้นํ้ามันดิบกลั่นออกมา 100% นำมากลั่นนํ้ามันดีเซลได้แค่ 30% ที่เหลืออีก 70% เป็นนํ้ามันเตา นํ้ามันเบนซิน นํ้ามันอะโรเมติก นํ้ามันแนปทา และแก๊สหุงต้ม ดังนั้นถ้าดึงราคานํ้ามันดีเซลลงเหลือ 20 บาทต่อลิตร แล้วปล่อยให้อย่างอื่นขึ้นมาไม่ถึง 10 บาทต่อลิตร ประชาชนส่วนใหญ่ก็จะไม่เดือดร้อน แต่จะทำให้โรงกลั่นกำไรน้อยลงเท่านั้นเอง หรือถ้าตรึงไม่ได้ก็ควรลดภาษีสรรพสามิตลงอีก
“ส่วนตัวมองว่าราคานํ้ามันดีเซลที่สูงในเวลานี้เป็นปัญหาใหญ่สุดอันดับแรก ตรงนี้รัฐบาลยังแก้ปัญหาไม่ได้”
น่าตกใจ NPL พุ่งสูง
นอกจากนี้สิ่งที่ต้องจับตาคือ ปัญหาคนยากจน มีหนี้ NPL (หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้) 4 ล้านล้านบาท และคนเป็นหนี้ NPL มีนับ 10 ล้านคน ประชาชนกู้เงินบัตรเครดิต 50,000-60,000 บาท พอกู้อีกไม่ได้ ก็หันไปกู้เงินนอกระบบ ดอกเบี้ยก็สูง การเป็นหนี้ของประชาชนเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้พุ่งสูงขึ้นมาก พ่อค้า-แม่ค้าก็กู้เงินมาลงทุน เหล่านี้ส่วนหนึ่งต้องบอกว่าประชาชนจนลงเพราะเหตุสุดวิสัย ที่รัฐสั่งล็อกดาวน์เป็นช่วง ๆ เพื่อเลี่ยงปัญหาวิกฤตโควิดทำให้ประชาชนที่ค้าขายจนลง เมื่อปัญหาส่วนหนึ่งมาจากเหตุสุดวิสัยตรงนี้ รัฐบาลก็ต้องเป็นคนลงมาแก้ไขให้คนกลุ่มนี้สามารถกู้เงินได้
วิธีที่ทำได้คือ ต้องเรียกคนเป็นหนี้ NPLนับ10 ล้านคน มาหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง แบงก์ชาติ สถาบันการเงิน โดยมีการออกกฏระเบียบร่วมกันเพื่อผ่อนปรนให้ประชาชนกลุ่มนี้ แต่ไม่ใช่วิธีการที่ออกกฎระเบียบแบบทำให้คนเสียวินัยทางการเงิน โดยกระทรวงการคลังจะต้องเชิญคนกลุ่มนี้มาเซ็นยอมรับสภาพหนี้แต่ยังไม่ต้องชำระหนี้คืน หลังจาก 5 ปีไปแล้วค่อยชำระคืน
เรียกว่าเป็นการประนีประนอมหนี้ โดยระหว่างนี้ให้คิดดอกเบี้ย 1% ต่อปี แต่ยังไม่ต้องชำระดอกเบี้ย 5 ปีก็ 5% เอาไว้ไปชำระดอกเบี้ยหลังปีที่ 5 ไปแล้ว หนี้ตรงนี้ก็จะไม่เป็นหนี้เสีย ขณะที่ธนาคารก็ไม่ต้องสำรองหนี้สูญ และสถานะแบงก์ก็จะผลักตรงนี้เป็นผลกำไรได้ทันที แบงก์ไม่ต้องเป็นหนี้สูญ รัฐบาลก็จะได้กำไรจากภาษีจากแบงก์ รัฐสามารถนำเงินจากตรงนี้ปล่อยต่อได้อีก ให้ดอกเบี้ยพิเศษกับกลุ่มที่เป็นหนี้ NPL ถ้าทำแบบนี้ได้ประชาชนจะได้มีเงินมีทองไปค้าขาย ต่อยอดตัวเองได้หลังจากนั้น 5 ปี พอฟื้นตัวก็จะมาเริ่มทยอยชำระคืนหนี้ทั้งหมด
“มองว่าเมื่อกลุ่มมดงานหรือกลุ่มรากหญ้าเริ่มขยับได้ ภาพรวมทางเศรษฐกิจก็จะดีขึ้น และจะค่อย ๆ ฟื้นตัวได้แน่นอน เวลานี้ต้องยอมรับว่าคนยากจนลงทุกวัน ล่าสุดยอดซื้อออนไลน์ก็ลดลงไป 30 กว่าเปอร์เซ็นต์เทียบกับปีที่แล้ว เป็นสัญญาณเตือน ถ้าไม่รีบแก้ไขจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจยากยิ่งขึ้นไปอีก”
ส่งเสริมลงทุนอย่างจริงใจ
นายประชัย กล่าวด้วยว่า รัฐบาลต้องจริงใจในการสนับสนุนการลงทุน โดยเฉพาะการผลิตไฟฟ้าเพราะจะเป็นอุตสาหกรรมที่มีบทบาทมากขึ้นนับจากนี้ ไม่ใช่ทุกอย่างผ่านความเห็นชอบจากมติ ครม.แล้ว แต่สุดท้ายถูกเบรกไม่สามารถขับเคลื่อนได้ อย่างธุรกิจของทีพีไอฯ ที่เผชิญอยู่คือโรงไฟฟ้าขนาด 3,700 เมกะวัตต์ ที่ อ.จะนะ จ.สงขลา สนใจลงทุนตรงนี้เพราะทิศทางต่อไปอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้าจะเป็นตัวชูโรง และถ้ารัฐบาลสนับสนุนนอกจากสร้างความมั่นคงด้านไฟฟ้าแล้ว ยังช่วยสร้างความเจริญในการพัฒนาประเทศ และยังช่วยสร้างงานในพื้นที่ในระยะยาวด้วย
การฟื้นเศรษฐกิจในระยะเร่งด่วนต้องเร่งทำใน 3 สิ่งที่กล่าวมานี้ก่อน ไล่ตั้งแต่ตรึงราคานํ้ามันดีเซลที่ 20 บาทต่อลิตร ถ้าไม่ทำรัฐจะแก้ปัญหาเงินเฟ้อไม่ได้ การเร่งแก้ปัญหาหนี้ NPL เพราะไม่เช่นนั้นคนจนจะมากขึ้น เกิดปัญหาปากท้อง ภายใน 2 ปีนับจากนี้ไป อาจลุกฮือได้ รวมถึงรัฐบาลต้องขับเคลื่อนโครงการลงทุนที่ ครม.มีมติให้การอนุมัติไปแล้ว ต้องสามารถปฏิบัติได้ ไม่ใช่มาเบรกทีหลัง ทำให้ไม่สามารถขับเคลื่อนได้แบบที่ตนเผชิญอยู่