นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้ดำเนินการรับมือสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ทั้งในด้านความผันผวนของราคาพลังงาน และภาวะเศรษฐกิจโลก ที่ส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนโดยทั่วไป
ทั้งนี้ รัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือภาระค่าใช้จ่ายแก่ประชาชนในระยะต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยมีการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เตรียมแผนล่วงหน้าเพื่อให้สามารถให้การช่วยเหลือตามแผนได้ทันทีเมื่อเกิดสถานการณ์ขึ้น
โดยในส่วนของแนวทางการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน จากการปรับขึ้นค่า FT รอบใหม่ ที่คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณประมาณ 7-8 พันล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) นั้น คาดว่าจะมีการนำเสนอเข้าสู่วาระการประชุม ครม.ในเร็ว ๆ นี้
เบื้องต้นแนวทางที่จะเสนอให้ครม.พิจารณาจะเป็นในลักษณะแบ่งการช่วยเหลือออกเป็น 2 กรณี ดังนี้
อย่างไรก็ตาม ข้อสรุปนี้จะต้องผ่านการพิจารณาและความเห็นชอบจาก ครม.ก่อน ซึ่งหากมีมติเป็นอย่างไร รัฐบาลจะเร่งแจ้งให้ประชาชนได้ทราบในรายละเอียดโดยเร็วที่สุด
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ยังมีมติให้คงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ลิตรละ 34.94 บาท เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบด้านค่าครองชีพของประชาชน ถึงแม้ราคาน้ำมันยังคงผันผวนปรับตัวเพิ่มขึ้น
นายอนุชาฯ กล่าวต่อไปว่า สำหรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ภายหลังจากที่ ครม. มีมติเห็นชอบมาตรการลดค่าครองชีพรอบใหม่เป็นเวลา 3 เดือน (ในช่วงเดือน กรกฎาคม - กันยายน 2565) เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาราคาน้ำมันแพง อาทิ
“สถานการณ์ปัจจุบันมีข้อจำกัดที่เกิดขึ้นหลายปัจจัย ซึ่งเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้ติดตามประเมินสถานการณ์ และเร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่อง วางแนวทางบริหารจัดการสถานการณ์ทางเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ โดยทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานร่วมกัน ออกมาตรการเพื่อช่วยค่าครองชีพในสิ่งที่จำเป็นในการดำรงชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง และกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ” นายอนุชา กล่าว