รมว.พิพัฒน์ ดันแรงงานไทยทำงานต่างประเทศ ปั้มรายได้ 2.7 แสนล้าน

กระทรวงแรงงานสรุปปี 2567 ส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ 9.2 แสนคน 

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมา ( ปี 2567) มีการส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ 92,392 คน แรงงานไทยสามารถสร้างรายได้ส่งกลับประเทศกว่า 267,844 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2566 ในแง่ของจำนวนลดลงไปราว 11,535 คน จากปี 2566 ซึ่งอยู่ที่ 103,927 ล้านคน

เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล แต่ในแง่ของรายได้ที่ส่งกลับประเทศของแรงงาน กลับเพิ่มขึ้น 22,147 ล้านบาท จากปี 2566 อยู่ที่ 245,697 ล้านบาท เนื่องจากแรงงานไทยที่ไปทำงานในต่างประเทศมีทักษะการทำงานสูงขึ้น จึงมีรายได้ในการส่งกลับเพิ่มมากขึ้น

10 ประเทศแรกที่แรงงานไทยไปทำงานในต่างประเทศมากที่สุด

• อันดับ 1 อิสราเอล
• อันดับ 2  ไต้หวัน
• อันดับ 3 เกาหลีใต้
• อันดับ 4 ญี่ปุ่น
• อันดับ 5 ฮ่องกง
• อันดับ 6 ลาว
• อันดับ 7 สหรัฐอเมริกา
• อันดับ 8 สิงคโปร์
• อันดับ 9 นิวซีแลนด์
• อันดับ 10 สวิสเซอร์แลนด์

โดยตำแหน่งที่ไปทำงานมากที่สุด จะเป็นคนงานอุตสาหกรรมทั่วไป ตามมาด้วย คนงานทั่วไป ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์โลหะ คนงานเกษตร คนงานก่อสร้าง ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ นวดแผนโบราณ ช่างเทคนิค เกษตรกรเก็บผลไม้ป่า และช่างเชื่อม ตามลำดับ

ตั้งเป้าดันแรงงานไทยทำงานต่างประเทศปีนี้นำรายได้ส่งกลับประเทศ 2.7 แสนล้าน

สำหรับในปี 2568 นี้คาดว่าการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในต่างประเทศ จะสามารถสร้างเม็ดเงินจากการรายได้ส่งกลับของแรงงานไทย ประมาณ 270,000 ล้านบาท 

กระทรวงแรงงานมีเป้าหมายจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในต่างประเทศ จำนวน 100,000 คน โดยการจัดกิจกรรม MOL Overseas Matching ซึ่งเป็นการขยายโอกาสการมีงานทำของแรงงานไทยตามที่กระทรวงแรงงานได้ทำความตกลงไว้กับประเทศปลายทางต่าง ๆ นับเป็นการขยายตลาดแรงงานเชิงรุก และบูรณาการร่วมกันทุกกรม/สำนักงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน

กางแผนขับเคลื่อนแรงงานไทยทำงานต่างประเทศ

โดยประสานความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินโครงการขยายตลาดฯ ซึ่งมีการดำเนินงานมาแล้ว 4 ประเทศ/ดินแดน เริ่มจากประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากญี่ปุ่นอยู่ในภาวะขาดแคลนแรงงานจากการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ญี่ปุ่นมีความต้องการแรงงานไทยสูงถึง 2,027 อัตรา

ตามมาด้วย อิสราเอล เมื่อกลางเดือนม.ค.ที่ผ่านมา พบว่า มีความต้องการแรงงานไทย 21,500 อัตรา แบ่งออกเป็น ภาคเกษตร 13,000 อัตรา และภาคก่อสร้าง 8,500 อัตรา

ขณะนี้กระทรวงแรงงานอยู่ระหว่างการพิจารณาร่างบันทึกความตกลง ในการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในภาคอุตสาหกรรม ภาคก่อสร้าง และภาคบริการ เพิ่มเติมจากภาคเกษตร ปัจจุบันมีแรงงานไทยในภาคเกษตรที่มีสิทธิเข้ารับการคัดเลือกเพื่อไปทำงานภาคเกษตรในอิสราเอลภายใต้โครงการ “ความร่วมมือไทย – อิสราเอลเพื่อการจัดหางาน (TIC)” ครั้งที่ 18 จำนวน 19,414 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการขั้นตอนการสัมภาษณ์

รวมไปถึงการไปจัดกิจกรรมที่ เขตบริหารพิเศษฮ่องกงและเขตบริหารพิเศษมาเก๊า เมื่อปลายเดือนก.พ.ที่ผ่านมา พบว่า มีความต้องการแรงงาน จำนวน 18,459 อัตรา แบ่งออกเป็น พ่อครัว-แม่ครัวไทย และพนักงาน ในร้านอาหาร 2,259 อัตรา ผู้ฝึกสอนมวยไทย 600 อัตรา ช่างเทคนิค 10,000 อัตรา ภาคบริการสายการบิน 600 อัตรา และภาคบริการและการโรงแรม 5,000 อัตรา 

ทั้งในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2568 กระทรวงแรงงานมีกำหนดการเดินทางไปจัดกิจกรรมตามโครงการ MOL Overseas Matching ในไต้หวัน

การขับเคลื่อนเป้าหมายจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในต่างประเทศ 100,000 คน โดยกรมการจัดหางาน จะเน้นส่งเสริม รักษาการจ้างงาน และขยายตลาดแรงงาน ในต่างประเทศ ซึ่งได้เจรจากับทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง 

ทั้งนี้เพื่อเปิดโอกาสให้แรงงานไทยสามารถเดินทางเข้าไปทำงานต่างประเทศมากขึ้น และร่วมกันแก้ไขปัญหาอุปสรรคในการจ้างแรงงานไทย ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นและเพิ่มแรงจูงใจในการจ้างแรงงานไทยของนายจ้างในต่างประเทศ

ไม่ว่าจะเป็นการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในประเทศที่เป็นตลาดแรงงานเดิม แต่เพิ่มการจัดส่งแรงงาน ที่มีทักษะฝีมือมากขึ้น ได้แก่ การจัดส่งแรงงานไปทำงานในอิสราเอล เดิมจัดส่งภาคเกษตร เพิ่มการจัดส่งแรงงาน ภาคก่อสร้าง ภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการ 

การจัดส่งแรงงานไปทำงานในไต้หวัน เป็นการจัดส่งแรงงานไปทำงานในภาคการผลิต ก่อสร้าง และแรงงานทั่วไป เพิ่มการจัดส่งแรงงานไทยที่มีทักษะฝีมือในภาคก่อสร้าง การจัดส่งแรงงานไปทำงานในเกาหลีใต้ เดิมจัดส่งแรงงานไปทำงาน ภายใต้ระบบ EPS (แรงงานภาคอุตสาหกรรม เกษตร ก่อสร้าง) เพิ่มการจัดส่งแรงงานภาคเกษตร ตามฤดูกาล (วีซ่า E-8) การจัดส่งแรงงานไปทำงานในอู่ต่อเรือ

ส่วนการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในญี่ปุ่น เป็นการจัดส่งผู้ฝึกปฏิบัติงานเทคนิคไปฝึกปฏิบัติงานเทคนิคในประเทศญี่ปุ่น ภายใต้บันทึกความเข้าใจ ระหว่าง กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน กับองค์กรพัฒนาแรงงานระดับนานาชาติ ประเทศญี่ปุ่น (IM Japan)

สำหรับตลาดแรงงานใหม่ กระทรวงแรงงานโดยกรมการจัดหางานได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อขยายตลาดและเพิ่มความต้องการจ้างแรงงานไทยมากขึ้น ตลอดจนการเจรจากับประเทศที่มีความต้องการจ้างแรงงานไทย ในการจัดทำข้อตกลงความร่วมมือ ด้านแรงงานให้เป็นผลสำเร็จนั่นเอง