วันนี้ (19 มีนาคม 2568) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้รับทราบความคืบหน้าการจัดทำมาตรการสิทธิประโยชน์ด้านศิลปะ ประกอบด้วย มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนงานศิลปะของกรมสรรพากร มาตรการจัดตั้งเขตปลอดอากรประเภทหอศิลป์ของกรมศุลกากร และแนวทางการขับเคลื่อนมาตรการปรับลดหรือยกเว้นภาษีนำเข้างานศิลปะเพื่อจำหน่าย
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง แถลงผลประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ที่มีนายกรัฐมนตรี
สำหรับการจัดทำมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนงานศิลปะของกรมสรรพากรนั้น ปัจจุบันกรมสรรพากรอยู่ระหว่างการจัดทำมาตรการเพื่อสนับสนุนงานศิลปะ 2 มาตรการ ประกอบด้วย
1.มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการซื้องานศิลปะ : โดยให้บุคคลรรรมดาที่ซื้องานศิลปะสาขาทัศนศิลป์ สามารถนำค่าซื้องานศิลปะ มาหักเป็นค่าลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลรรรมดา ได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินปีภาษีละ 100,000 บาท
2.มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนผู้สร้างสรรค์งานศิลปะ : ให้ศิลปินผู้สร้างสรรค์งานศิลปะสามารถหักค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลรรรมดา ได้เพิ่มขึ้นจาก 30% เป็น 60% โดยไม่กำหนดประเภทศิลปิน
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด กรมสรรพากรอยู่ระหว่างการหารือร่วมกับสำนักงานศิลปวัฒนรรรมร่วมสมัยในรายละเอียดเพิ่มเติม และจะยกร่างกฎกระทรวง รวมทั้งร่างพระราชกฤษฎีกา เพื่อเสนอกระทรวงการคลัง และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป โดยคาดว่ามาตรการต่าง ๆ จะสามารถออกมารองรับได้ภายในไตรมาสที่ 2 ปี 2568
ปัจจุบันกรมศุลกากรอยู่ระหว่างการจัดทำมาตรการเพื่อจัดตั้งเขตปลอดอากรประเภทหอศิลป์ โดยมีหลักการเพื่อเป็นพื้นที่สำหรับจัดแสดงงานศิลปะ (Art Gallery) เป็นการสารารณะ และเป็นพื้นที่สำหรับจัดเก็บ บำรุง ดูแล รักษา ซ่อมแซมงานศิลปะ (Storage) โดยสิทธิประโยชน์ที่ได้รับสำหรับของที่นำเข้าไปในเขตปลอดอากรประเภทหอศิลป์จะได้รับยกเว้นอากรขาเข้า มีดังนี้
1.เครื่องจักร อุปกรณ์ เครื่องมือและเครื่องใช้ รวมทั้งส่วนประกอบที่จำเป็นต่อการประกอบกิจการ ในเขตปลอดอากรประเภทหอศิลป์
2.ของที่ใช้ในการสร้าง ประกอบ หรือติดตั้งโรงงาน หรืออาคารในเขตปลอดอากรประเภทหอศิลป์
3.ของที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในการประกอบกิจการตามวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งเขตปลอดอากรประเภท หอศิลป์ และตามประเภทของกิจการที่ได้รับอนุญาตฯ
4.ของที่ปล่อยออกมาจากเขตปลอดอากรประเภทหอศิลป์อื่น นอกจากนี้ ของในราชอาณาจักร หรือของนําเข้าที่ได้ชำระอากรแล้ว หากนำเข้าไปในเขตปลอดอากรประเภทหอศิลป์ และนำกลับออกมา ภายใน 1 ปี จะได้รับยกเว้นอากรฯ ด้วย
สำหรับความคืบหน้าล่าสุดกรมศุลกากรได้จัดทำร่างประกาศเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์รายละเอียดต่าง ๆ ในการจัดตั้งเขตปลอดอากรประเภทหอศิลป์ และรับฟังความคิดเห็นร่างประกาศฯ เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะสามารถออกประกาศมาตรการดังกล่าวได้ภายในเดือนเมษายน 2568 นี้
การประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ที่มีนายกรัฐมนตรี
"ปัจจุบันกระทรวงการคลังกำลังหารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาษีที่เกี่ยวข้องกับงานศิลปะที่จะนำเข้ามาในประเทศไทย ส่วนรกคือการนำเข้ามาจัดแสดงจะได้รับการยกเว้นภาษีอากร แต่ในส่วนของงานศิลปะที่นำมาเพื่อขาย จะเก็บภาษีอยู่ที่ 10% ซึ่งจะมีการปรับเปลี่ยนอย่างไรได้บ้างเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมศิลปะต่อไป" นายจุลพันธ์ ระบุ
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันการจัดงานแสดงศิลปะนานาชาติที่สำคัญของโลก (International Art Fair) ยังไม่มีการจัดขึ้นในประเทศไทย จึงจำเป็นต้องสร้างระบบนิเวศที่เอื้ออำนวย เพื่อดึงชิ้นงานศิลปะให้เข้ามาซื้อ-ขายในประเทศ ผ่านการปรับปรุงภาษีนำเข้าให้แข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้ เช่น มาเลเซีย ไม่เก็บภาษีนำเข้าศิลปะ อินโดนีเซียเก็บ 5% เวียดนามเก็บ 7.5% แต่ไทยเก็บ 10%
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ
"สำหรับมาตรการที่ออกไปทั้งสองกรมสรรพากร และกรมสรรพากร จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมศิลปะเกิดขึ้นได้ ทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการซื้อขายศิลปะได้ ส่วนภาษีนำเข้าที่ไทยจัดเก็บ 10% ก็กำลังดูต่อไปว่าจะลดลงได้อีกหรือไม่ ขณะที่การจัดตั้งเขตปลอดอากรหอศิลป์ ล่าสุดได้รับแจ้งมาแล้วว่า มีผู้สนใจยื่นขอเข้ามาแล้ว 2 ราย" นพ.สุรพงษ์ ระบุ